นายกฯออสเตรเลีย แสดงความเสียใจกรณี "สาวไทยอุ้มบุญ"

นายกฯออสเตรเลีย แสดงความเสียใจกรณี "สาวไทยอุ้มบุญ"

นายกฯออสเตรเลีย แสดงความเสียใจกรณี "สาวไทยอุ้มบุญ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯออสเตรเลีย ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ผู้คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่อุ้มบุญล้นหลาม ด้านประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุผิดกฎหมาย เตรียมสอบสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง

ล่าสุดกรณีพ่อแม่ชาวออสเตรเลียจ้าง น.ส.ภัทรมล จันทร์บัว หญิงสาวชาวไทย ให้อุ้มบุญลูกแฝด แต่เมื่อเด็กเกิดมาพ่อแม่ชาวต่างชาติได้รับลูกสาวกลับไปเลี้ยงดู แต่ทิ้งเด็กชายไว้เนื่องจากเด็กป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม ทางสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายโทนี่ แอบบอต นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "นี่คือเรื่องเหลือเชื่อที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดและปัญหาในธุรกิจอุ้มบุญ"

โดย น.ส.ภัทรมล แม่อุ้มน้องแกรมมี่ เปิดเผยว่า ใครจะไปรับเป็นแม่อุ้มบุญให้คนอื่นนั้น ควรคิดให้ดี ไม่ใช่เพียงแค่เงินมาเป็นแรงจูงใจให้ทำเท่านั้น เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด คนที่รับผิดชอบต่อตัวเด็กก็คือ ตัวของแม่อุ้มบุญเอง และหากตัวแม่อุ้มบุญไม่มีความสามารถในการดูแลเด็กก็จะเป็นภาระต่อสังคม ทั้งนี้เมื่อเด็กทุกคนที่เกิดขึ้นมามีเลือดเนื้อ มีชีวิต และความรู้สึกเหมือนเราทุกคน แม้จะไม่สมประกอบ หรือพิการ แต่เป็นเชื้อของคุณ และเป็นเลือดเนื้อของคุณ อย่าทำเหมือนเลือกซื้อสิ่งของ ที่ตัดเอาชิ้นไม่ดีทิ้งไว้

ก่อนที่ตนจะมารับอุ้มนั้นได้เล่นเฟซบุ๊ก และมีโฆษณาว่ามีงานให้ทำรายได้ดี ซึ่งทางบ้านตนมีฐานะไม่ค่อยดี จึงสนใจ เพราะปัจจุบันตนก็มีบุตรแล้ว 2 คน จึงอยากได้เงินมาช่วยเหลืองครอบครัว จึงรับอุ้มบุญกับกับครอบครัวชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีอายุมากแล้ว โดยผ่านเอเยนซี ชื่อจอย โดยตกลงราคาค่าจ้างกันไว้ที่ 300,000 บาท และหากได้ลูกแฝดจะเพิ่มให้เป็น 350,000 บาท หลังจากนั้น ครอบครัวชาวออสเตรเลียก็มารับในกรุงเทพฯ เพื่อมาเป็นแม่อุ้มบุญให้ โดยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยช่วง 4 เดือน ที่ตั้งครรภ์แฝดหญิงและชายนั้น มีการเจาะเลือดเพื่อไปตรวจสอบ และทางครอบครัวชาวออสเตรเลียทราบ แต่ไม่ได้แจ้งให้ตนรู้ว่า เด็กเป็นดาวน์ซินโดรม จนมาถึง 7 เดือนกว่า ทางครอบครัวโทรศัพท์แจ้งให้ตนเอาเด็กออก แต่ตนไม่ยอม และให้เอาไว้เช่นนี้ จนเด็กคลอดออกมาที่โรงพยาบาลวชิรปราการ ที่มีบัตร 30 บาท เพื่อเซฟค่าใช้จ่าย เนื่องจากเด็กที่คลอดออกมาตัวเล็ก และตัวเหลืองจึงต้องอยู่ในตู้อบตลอดทั้ง 2 คน โดยผู้หญิงอยู่ในตู้อบเพียงไม่ถึงเดือน จากนั้นครอบครัวชาวออสเตรเลียได้นำเด็กหญิงดังกล่าวไป ส่วนเด็กผู้ชายนั้นไม่ได้เอาไปด้วย

ซึ่งหลังเรื่องนี้ตกเป็นข่าว ได้มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หรือ 3178 มูลนิธิของ ประทีป อึ้งทรงธรรม ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลน้องแกรมมี่ ที่ต้องรักษาอยู่ตลอด เนื่องจากมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มีไข้ และมีน้ำในช่องท้อง รวมถึงมีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก

ด้าน พญ.วิบูลพรรณ ฐิตะดิลก ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจ้างผู้อื่นท้องแทน หรืออุ้มบุญ ในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ที่ระบุเกณฑ์ไว้ว่าห้ามมีการซื้อ-ขาย ไข่ น้ำเชื้อ ตัวอ่อน ซึ่งในกรณีแม่อุ้มบุญที่ จ. ชลบุรี ที่ตกเป็นข่าวนั้น เราจะต้องตรวจสอบเอาผิดสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่อุ้มบุญ ที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ส่วนกรณีพบสถานพยาบาล 12 แห่ง เข้าข่ายกระทำความผิดทั้งอุ้มบุญ ซื้อ-ขายไข่ น้ำเชื้อ ตัวอ่อน นั้น ความจริงอาจมีมากกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับการอุ้มบุญ ซื้อ-ขายไข่ น้ำเชื้อ และตัวอ่อน ทางแพทยสภาได้เชิญสถานพยาบาลทั้งที่จดทะเบียนถูกต้อง และไม่ได้จดทะเบียน มาตักเตือนทำความเข้าใจแล้ว หากยังพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนลงโทษ ถึงขั้นปิดสถานพยาบาลและถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook