ข่าวลือมั่ว! ไทยไม่ติดพื้นที่สีเหลืองเสี่ยง อีโบล่า

ข่าวลือมั่ว! ไทยไม่ติดพื้นที่สีเหลืองเสี่ยง อีโบล่า

ข่าวลือมั่ว! ไทยไม่ติดพื้นที่สีเหลืองเสี่ยง อีโบล่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(10 ส.ค.) สถานการณ์ของโรคระบาดเชื้อไวรัส อีโบลา ในแถบทวีปแอฟริกา ประเทศไนจีเรียเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศภาวะฉุกเฉินและมีคำสั่งอนุมัติงบราว 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 352 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบคุมการระบาดของไวรัสอีโบลา นับเป็นประเทศที่ 4 ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการระบาดของไวรัสอีโบลา

คณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสอีโบลาของแอฟริกาใต้ 4 คน เดินทางไปยังกรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงของเซียร์รา ลีโอน ภายใต้การสนับสนุนขององค์การอนามัยโลก เพื่อช่วยจัดตั้งห้องแล็บไฮเทคเคลื่อนที่ ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อย่นระยะเวลาในตรวจสอบตัวอย่างและวินิจฉัยโรค ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีโอกาสฟื้นตัวเร็วขึ้น

ทางด้าน นายแพทย์เคนท์ แบรนท์ลี่ย์ ชาวอเมริกัน วัย 33 ปี ที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาจากประเทศไลบีเรีย ล่าสุดอาการเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สหรัฐอเมริกามีความพยายามในการหาทางรักษาผู้ติดเชื้ออีโบลา มีการยินยอมให้ยาต้านเชื้ออีโบลาของบริษัทจากประเทศแคนาดา สามารถใช้ในการทดลองในวงจำกัดได้ ซึ่งจะทำให้ความหวังในการพัฒนายาต้านไวรัสอีโบลามีความเป็นไปได้เร็วขึ้น

ส่วนทางการอินเดียก็ประกาศยกระดับมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ให้สอดรับกับแถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสากลเมื่อวานนี้ เนื่องจากอินเดียมีประชากรของตน ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลามากถึง 45,000 คน และมีความเสี่ยงที่ว่า คนกลุ่มนี้อาจได้รับเชื้อไวรัสอีโบลา ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าอินเดีย

ขณะที่ประเทศไทยเกิดกระแสข่าวลือสะพัดว่า องค์การอนามัยโรค หรือ WHO ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงระดับสีเหลือง เนื่องจากพบเส้นทางการเดินทางของผู้คนจากประเทศแถบที่มีการะบาดของเชื้อเข้าเมืองไทยมา 21 คน ซึ่งทาง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า ไม่มีรายงานดังกล่าวจาก WHO และประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่เสี่ยง

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสอีโบลาในรอบสัปดาห์ ล่าสุดอยู่ที่ 961 คน และติดเชื้ออีก 1,779 คน โดยสัปดาห์นี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 68 คนและเสียชีวิต 29 คน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook