ด่วน! ศาลฎีกาอนุญาตประกันตัว "สนธิลิ้ม" วงเงิน 12 ล้านบาท หลังนอนคุก 18 วัน

ด่วน! ศาลฎีกาอนุญาตประกันตัว "สนธิลิ้ม" วงเงิน 12 ล้านบาท หลังนอนคุก 18 วัน

ด่วน! ศาลฎีกาอนุญาตประกันตัว "สนธิลิ้ม" วงเงิน 12 ล้านบาท หลังนอนคุก 18 วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 25 สิงหาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกา มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว "สนธิ ลิ้มทองกุล" กับพวกรวม 3 คน หลังศาลอุททธรณ์พิพากษาจำคุก 20 ปี ในคดีผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ตีราคาประกัน คนละ12 ล้านบาท โดยคาดว่าจะปล่อยตัวในเวลา 20.00 น.

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้มอบอำนาจให้เสมียนทนายความมาฟังคำสั่งศาลฎีกาที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ /นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ฯ และ นางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุก เป็นเวลา 20 ปี ฐานกระทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลมีคำสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ประกอบกับจำเลยได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์หลบหนีมาก่อนในชั้นนี้ จึงเห็นสมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายสนธิ กับพวก ระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกันคนละ 12 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาจำคุก 42 ปี 6 เดือน คดีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุลอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ร่วมกับ นายสุรเดช มุขยางกูร ,นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และ นางสาวยุพิน จันทนา อดีตผู้บริหาร และ กรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2540 นายสนธิ กับพวกซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ ฯ ได้ร่วมกันทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการบริษัทที่เป็นเท็จ เพื่อค้ำประกันเงินกู้ให้กับบริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีนายสนธิ เป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 1,078 ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของ บริษัทแมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกนายสนธิ จำเลยที่ 1 และ นางเสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 คนละ 85 ปี และนางสาวยุพิน จำเลยที่ 4 จำคุก 65 ปี ส่วนนายสุรเดช จำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี
แต่จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกนายสนธิ จำเลยที่ 1 และ นางเสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 คนละ 42 ปี 6 เดือน และนางสาวยุพิน จำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน ส่วนนายสุรเดช จำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน

แต่โทษสูงสุดในความผิดฐานดังกล่าว กฎหมายกำหนดให้ลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี จึงลงโทษจำคุก นายสนธิ จำเลยที่ 1 , นางเสาวลักษณ์ จำเลยที่ 3 และ นางสาวยุพิน จำเลยที่ 4 คนละ 20 ปี แต่ต่อมานายสนธิ พร้อมด้วยนางเสาวลักษณ์ และนางสาวยุพิน ยื่นอุทธรณ์

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมพร้อมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าไม่มีเจตนาทุจริต และไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลย เป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ ร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นถือว่าเป็นโทษต่ำสุดแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน จำคุกตามศาลชั้นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook