จับมั่ว! หนุ่มป่วยมะเร็งช้ำ ตกเป็นแพะข้อหาแปรรูปไม้

จับมั่ว! หนุ่มป่วยมะเร็งช้ำ ตกเป็นแพะข้อหาแปรรูปไม้

จับมั่ว! หนุ่มป่วยมะเร็งช้ำ ตกเป็นแพะข้อหาแปรรูปไม้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหนุ่มใหญ่ป่วยเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกไม่สามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ ตลอดทั้งยังถูกดำเนินคดีข้อหามีไม้ท่อนและแปรรูปไม้ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนกระทำผิด จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านเลขที่ 207 หมู่ 6 บ้านหนองไผ่ล้อม ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง สภาพเก่าทรุดโทรม พบนายปานศิริ ทองอยู่เย็น อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน โดยสภาพร่างกายผอมซีดเซียว ที่บริเวณลำคอถูกเจาะเพื่อช่วยในการช่วยหายใจ และที่ช่องท้องต้องเจาะต่อสายยางเพื่อให้อาหารเหลว

จากการสอบถามนางสุรีรัตน์ ทองอยู่เย็น อายุ 44 ปี ภรรยา ทราบว่า ก่อนหน้านี้สามีของตนเองทำงานรับจ้าง และมีร่างกายแข็งแรงปกติเหมือนคนทั่วไป จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้วสามีเริ่มมีอาการหายใจลำบากคล้ายโรคภูมิแพ้ จึงไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งตรวจพบเจอมะเร็งที่หลังโพรงจมูก ทางแพทย์จึงได้ทำการช่วยเหลือเพื่อรักษา โดยการทำคีโมและทำการฉายแสงครบหมดแล้ว แต่ที่ต้องเจาะลำคอเพื่อช่วยในการช่วยหายใจ และเจาะช่องท้องเพื่อให้อาหารเหลว เพราะสามีไม่สามารถรับประทานอาหารได้เหมือนคนทั่วไป ทุกวันนี้สามีไม่สามารถออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนตนเองก็ต้องคอยดูแลสามีอย่างใกล้ชิด และต้องเลี้ยงดู บุตรชายอายุ 1 ขวบ ทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ทุกวันนี้ต้องคอยอาศัยเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องนำข้าวปลาอาหารมาให้เพื่อประทังชีวิต

นางสุรีรัตน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ารันทดกว่านั้น คือ สามีของตนเองต้องมาตกเป็นแพะรับบาป และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเลย เลขที่ จ.163/2256 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2556 ในคดีตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มีไม้ท่อนไว้ในความครอบครองและมีไม้แปรรูปหวงห้าม มีเลื่อยโซ่ยนต์โดยไมได้รับอนุญาต และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก จับกุมตัวส่ง สภ.ท้องที่ จ.เลย และถูกฟ้องดำเนินคดีและฝากขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดเลยอยู่ 7 วัน ก่อนที่จะมีญาติมาประกันตัวเพื่อสู้คดี เพราะตนเองไม่เคยไปทำงานที่ จ.เลย และครอบครัวก็มีฐานะยากจนข้นแค้นขนาดนี้ สามีจะไปมีโรงงานแปรรูปไม้ได้อย่างไร ซึ่งตนเองได้ร้องขอให้ตรวจสอบความจริงอีกครั้ง โดยในวันที่ 26-27 พ.ย. นี้ ศาลที่ จ.เลย ได้นัดไปฟังคำตัดสินว่าสามีตนเองจะมีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือคดีดังกล่าวด้วย

เบื้องต้นทางด้าน พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ พร้อมคณะผู้ใจบุญ ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค และเงินจำนวนหนึ่งไปช่วยเหลือครอบครัวของนายปานศิริ และนางสุรีรัตน์ เป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งหากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์หมายเลข083-1633881 หรือหมายเลขบัญชีธนาคาร ธกส.สาขาพิษณุโลก ชื่อบัญชีนางสุรีรัตน์ ทองอยู่เย็น บัญชีเลขที่ 01-027-8-026366

ขอบคุณที่มาจาก www.phitsanulokhotnews.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook