"แม่สาย" ท่วมหนักรอบ 100 ปี เสียหายพันครัวเรือน
เมื่อวันที่ 7 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ใน จ.เชียงราย ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะบริเวณด่านพรมแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อาศัยอยู่ในตลาดสายลมจอย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต่างพากันออกมาเก็บกวาดร้านค้าและคัดแยกสินค้าที่ยังใช้งานได้ออกมา เพื่อที่จะทันเปิดร้านจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว หลังเมื่อวานนี้น้ำในแม่น้ำสายได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนตกหนักและเกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายจุดทั้งในเขตประเทศพม่าซึ่งอยู่ต้นน้ำและเขตประเทศไทย ทำให้น้ำได้เอ่อทะลักเข้าท่วมตลาดสายลมจอย ของอ.แม่สาย จ.เชียงราย และบริเวณตลาดท่าล้อ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของด่านพรมแดนไทย-พม่า
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบ้านเรือนของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลแม่สายอีกหลายชุมชนถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 หลังคาเรือน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ระดับน้ำสายได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติทำให้น้ำที่ท่วมขังได้แห้งลงแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายโดยเฉพาะดินโคลนที่ไหลมากับน้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปช่วยเหลือในการพื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น
โดยนายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า น้ำที่ท่วมชายแดนแม่สายครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบร้อยปีก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ตนอยู่และทำธุรกิจที่แม่สายยังไม่เคยพบเห็นน้ำท่วมอย่างมหาศาลเช่นนี้มาก่อน เพราะนอกจากน้ำจะมาเร็วและแรงแล้วยังมีระดับน้ำที่ท่วมสูงบางจุดสูงกว่า 2 เมตร จนท่วมย่านธุรกิจและชุมชนด้านในของอำเภอแม่สาย รวมทั้งมีน้ำหลากจากป่าไหลหลากมาสมทบในหลายพื้นที่ ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนไม่สามารถเก็บทรัพย์สินหนีน้ำได้ทัน แม้ก่อนหน้านี้จะมีการเตรียมรับมือด้วยการยกสินค้าไว้บนพื้นที่สูงไว้แล้วแต่น้ำก็ยังท่วมถึง ทำให้คาดว่าทั้งสองประเทศจะมีมูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
แต่เบื้องต้นอยากให้มีการเร่งแก้ไขในการมาทำความสะอาดตักเอาดินโคลนที่ท่วมสูง 20-30 เซ็นติเมตร ออกและจัดการระบบประปามาให้ชาวบ้าน เพราะนับตั้งแต่น้ำท่วมระบบน้ำประปาก็ไม่ไหลจนไม่มีน้ำใช้ สร้างความลำบากให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก