รพ.ตราด ชี้แจง เหตุญาติโวยทำคลอดทารกเสียชีวิต

(8 ก.ย.) จากกรณีที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์การทำงานของทีมแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลตราด ระบุว่า น.ส.กนกวรรณ อายุ 15 ปี ได้คลอดบุตรที่โรงพยาบาลตราด และบุตรได้เสียชีวิต

โดยญาติระบุว่า น.ส.กนกวรรณ น้ำเดินตอนตอน 2 ทุ่ม แต่มาผ่าทำคลอด ตอน 9 โมง จึงสงสัยว่าทำไมไม่ผ่าคลอดออกมาก่อน ปล่อยให้รอเป็น 10 ชม.ได้อย่างไร ทั้งนี้พี่สาวของ น.ส.กรวรรณ ยังได้แชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์เพื่อขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้โรงพยาบาลตราด รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ทีมแพทย์ รพ.ตราด ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับคนไข้คือ น.ส.กรวรรณ ซึ่งมาฝากครรภ์ที่รพ.ตราด กำหนดวันคลอดคือ วันที่ 26 กันยายน 2557 แต่คืนวันที่ 3 กันยายน โรงพยาบาลได้รับตัว น.ส.กรวรรณเข้าพักเพื่อรอคลอด และในช่วง 2-3 ทุ่ม พยาบาลได้ตรวจปากมดลูกซึ่งก็พบว่าเปิด 2 เซนติเมตร และพบว่าเด็กกลับหัวพร้อมคลอด โดยพยาบาลได้ตรวจคลื่นหัวใจ พบว่า มีการเต้นปกติทั้งแม่และลูกแต่พบสิ่งผิดปกติ คือ มีเลือดออกมาพร้อมน้ำเดิน แพทย์จึงทำการผ่าตัดฉุกเฉิน และเมื่อนำเด็กออกมาก็พบว่า เป็นเพศหญิงแต่เด็กหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์ และพยาบาลได้ช่วยกันปั๊มหัวใจจนเริ่มกลับมาเต้น จึงย้ายเด็กไปอยู่ห้องไอซียู แต่สุดท้ายเด็กก็เสียชีวิต

สาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตเนื่องจากเกิดภาวะสายสะดือเข้าสู่เยื่อหุ้มรก แทนที่จะเข้าสู่เนื้อรกตามปกติ (Velamentous insertion) ซึ่งเมื่อถุงน้ำคร่ำแตกจะทำให้มีการฉีกขาดของเส้นเลือด ซึ่งในกรณีของเด็กหญิงรายนี้มีน้ำหนัก 2,500 กรัม หากเสียเลือดเพียง 40 CC ทารกก็จะอยู่ในภาวะช็อกทันที และตลอดเวลาที่รับฝากครรภ์ไม่พบอาการหรือภาวะดังกล่าว เนื่องจากทั้งแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรง

ส่วนปัญหาที่ญาติสงสัยว่าเหตุใดไม่ผ่าตัดเพื่อนำตัวเด็กออกมาก่อนนั้น การที่ผู้คลอดเจ็บครรภ์ และมีน้ำเดินถือเป็นภาวะปกติในการเข้าสู่การคลอด ร่วมทั้งการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงไม่มีข้อบงชี้ในการผ่าตัดคลอด เด็กมีอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ และยังไม่ครบกำหนดคลอด ซึ่งการผ่าตัดนำเด็กออกมาหากยังไม่ครบกำหนด ถือว่าเป็นความผิดของแพทย์ หรือพยาบาล ดังนั้น การดูแลคนไข้ทำได้ขณะนอนรอคลอดคือ การตรวจวัดคลื่นหัวใจ และสังเกตอาการเพื่อรอให้มดลูกเปิด 10 เซนติเมตรเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม ผอ.รพ.ตราด และทีมสูติแพทย์ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจและแสดงความเสียใจ พร้อมชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของทารกให้แก่บิดา มารดาและญาติ ซึ่งบิดามารดาและญาติได้รับทราบและเข้าใจถึงสาเหตุในการเสียชีวิตดังกล่าวแล้ว โดยทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบดูแลคนไข้รายนี้เป็นกรณีพิเศษ

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลตราด