สื่อนอกวิจารณ์ แนวทางสืบสวนคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวที่ไทย

(22 ก.ย.) ความคืบหน้ากรณีเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดวิด และ นางสาวฮานนาห์ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ แต่ฆาตกรตัวจริงยังคงลอยนวล ท่ามกลางการตรวจพิสูจน์อย่างเข้มข้นจากเจ้าหน้าที่ของไทย ขณะที่สื่อต่างประเทศวิพากษ์แนวทางการสืบสวนคดีนี้

เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบดีเอ็นเอของกลุ่มแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่ถูกนำไปตรวจเปรียบเทียบกับคดีฆาตกรรมที่เกิดเหตุ ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่าง ทั้ง 13 คน ไม่ตรงกับหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุฆ่านักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน

แต่ยังมีกลุ่มตัวอย่างดีเอ็นเออีกจำนวนหนึ่งที่ยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น รวมทั้งลูกเรือสปีดโบ๊ทของเกาะนางยวน ที่ถูกจับกุมตัวในถ้ำแหลมกากี เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ซึ่งอาการมึนเมาคล้ายคนเมายาเสพติดและมีผลปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงได้แจ้งดำเนินคดีข้อหายาเสพติดไว้ก่อน และรอผลตรวจพิสูจน์เชื่อมโยงคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวให้ชัดเจนอีกครั้ง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังพยายามตีวงสืบสวนจากกลุ่มคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ในช่วงก่อนเกิดเหตุ รวมทั้งกลุ่มนักฟุตบอลที่ร่วมกันแข่งขันในช่วงก่อนเกิดเหตุด้วย รวมทั้งขณะนี้กำลังจะขยายผลการสืบสวนครอบคลุมไปทั่วทั้งเกาะเต่า

ขณะที่ "มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ได้เกาะติดข่าวการสืบสวนคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ไทย ที่ถูกมองว่า "เป็นการกระทำที่ตลก" ภาพเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์รอยเท้าแฝงบนทรายหาดใกล้กับจุดเกิดเหตุ ก่อนตระเวนเทียบวัดรอยเท้ากับผู้คนที่อยู่รอบๆ หาด เป็นวิธีการสืบสวนที่น่าขบขัน อีกทั้งยังคัดเกณฑ์กลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ทั้งชาย-หญิงจับมายืนเข้าแถวเพื่อรอตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งไม่ต่างกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เช่นเดียวกับ สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ไทยลงพื้นที่ตรวจสอบดีเอ็นเอผู้ชายทั่วทั้งเกาะเต่า

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอังกฤษยังอ้างว่า พบเบาะแส 4 คนร้ายขับจักรยานยนต์ก่อเหตุปล้นชิงทรัพย์ นางสาวฮานนาห์ บนเกาะเต่า แต่ นายเดวิด มาพบเหตุการณ์และเข้าไปช่วยเหลือ จนเป็นเหตุทำให้ทั้งสองผู้ฆ่าชิงทรัพย์สินไป ซึ่งทางด้าน พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ยืนยันว่ายังไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลนี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าสื่ออังกฤษได้ข้อมูลมาจากแหล่งใด ซึ่งหลักฐานพบว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเหยื่อผู้เสียหายยังคงอยู่ มีเพียงโทรศัพท์มือถือของเหยื่อสาวเท่านั้นที่หายไป