ฮือฮา หญิงฟ้องศาล สูญเสีย"สิทธิด้านพรหมจรรย์"ศาลสั่งจ่าย 1.5 แสนบ. ฝ่ายชายไม่ยอม ขออุทธรณ์

ฮือฮา หญิงฟ้องศาล สูญเสีย"สิทธิด้านพรหมจรรย์"ศาลสั่งจ่าย 1.5 แสนบ. ฝ่ายชายไม่ยอม ขออุทธรณ์

ฮือฮา หญิงฟ้องศาล สูญเสีย"สิทธิด้านพรหมจรรย์"ศาลสั่งจ่าย 1.5 แสนบ. ฝ่ายชายไม่ยอม ขออุทธรณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลจีนได้พิพากษาคดีตัวอย่างเกี่ยวกับการสูญเสียพรหมจรรย์ของหญิงสาวรายหนึ่งที่ฟ้องศาลต่อหนุ่มรายหนึ่งว่าหลอกลวงและทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์เธอทั้งที่ฝ่ายชายมีคู่รักอยู่แล้ว โดยตัดสินให้ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าพรหมจรรย์ให้ฝ่ายหญิงเป็นเงินจำนวน 3,000 ปอนด์ หรือราว 156,000 บาท ด้านฝ่ายชายฝืนคำตัดสิน ขออุทธรณ์คดี

รายงานระบุว่า ในคดีนี้ ศาลจีนได้พิจารณาคดีหญิงสาวรายหนึ่ง หรือ น.ส.เฉิน ซึ่งได้ฟ้องหนุ่มรายหนึ่ง ว่ามีพฤติกรรมหลอกลวงและทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ เนื่องจากฝ่ายชายอ้างว่าเป็นโสดและสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ ทำให้เธอไว้ใจและยอมมอบกายให้แก่เขา โดยเธอได้รู้จักกับเขาทางออนไลน์เมื่อปี 2009 และได้เดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน และมีความสัมพันธ์กัน จากนั้น ฝ่ายชายก็เลิกติดต่อกับเธอ ทำให้เธอตัดสินใจบุกไปบ้านเขา และได้เจอกับภรรยา และทำให้เธอตัดสินใจฟ้องร้องฝ่ายชาย ในข้อหา"ล่วงละเมิดสิทธิด้านพรหมจรรย์" และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 5 หมื่นปอนด์ ซึ่งเป็นค่าเสียหายด้านทำให้เธอเสียสุขภาพจิต

ขณะที่ศาลพิจารณาว่า คดีนี้ฝ่ายหญิงเรียกเงินเสียหายแพงเกินไป แต่ยอมรับว่า ฝ่ายหญิงมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครอง"พรหมจรรย์" ของตัวเอง หรือเทียบเท่ากับสิทธิด้านศีลธรรมตามกฎหมาย เช่น เสรีภาพทางเพศ ความปลอดภัยทางเพศ และความบริสุทธิ์ทางเพศ "การล่วงละเมิดสิทธิด้านพรหมจรรย์อาจนำไปสู่อันตรายต่อร่างกายเหยื่อ รวมทั้งสุขภาพ เสรีภาพ และชื่อเสียง ดังนั้น โจทก์จึงควรจ่ายเงินชดเชยฝ่ายหญิง" ขณะที่ฝ่ายชายไม่ได้ขึ้นศาล แต่ทนายความบอกว่า ฝ่ายชายไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับฝ่ายหญิงแต่อย่างใด และจะขอสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม คดีแปลกนี้ทำให้เกิดคำถามในสังคมจีนเช่นกัน โดยนักวิจารณ์บางรายตั้งคำถามว่า เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ฝ่ายหญิงจะเรียกค่าเสียหายฝ่ายชายเพราะถูกหลอก แต่อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า สิทธิด้านพรหมจรรย์ ยึดหลักตรงไหนของกฎหมาย ส่วนนักวิจารณ์หญิงรายหนึ่งบอกว่า กฎหมายจีนยังคงต้องถกเถียงกันเรื่องนี้อีกนาน เพราะประเด็นนี้มีเรื่องการไม่เคารพและไม่ยอมรับทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook