แคนดี้ รากแก่น เปิดทั้งใจ! ชาวเน็ตด่ายับ อีมารวัฒนธรรม
ตกเป็นประเด็นสังคมอีกรอบ สำหรับ "แคนดี้ รากแก่น" ทายาทราชินีหมอลำ "บานเย็น รากแก่น" หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีภาพสุดสยิวของเจ้าตัวในลักษณะโชว์บั้นท้ายหลุดออกมาว่อนโลกโซเชียล ก่อนจะตอกย้ำภาพลักษณ์สาวเซ็กซี่ด้วยการถ่ายแฟชั่นวาบหวิวขึ้นปกนิตยสาร จนเป็นเหตุให้ถูกชาวเน็ตบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงว่า "มารวัฒนธรรม ไม่เหมาะที่จะเป็นลูกศิลปินแห่งชาติ"!! ซึ่งล่าสุดในวันบันทึกเทปรายการ "คนดังนั่งเคลียร์" ทางช่อง 2 สาวแคนดี้ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าวให้ฟังว่า...
"สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแคนดี้เชื่อว่าทุกคนเคยโดนค่ะ เพราะมันเป็นปกติอยู่แล้วสำหรับพวกนักเลงคีย์บอร์ดที่เขาจะเข้ามาแสดงความเห็นแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาแคนดี้ไม่เคยสนใจจะอ่านเลยนะ แต่เผอิญว่าครั้งนี้มีการพาดพิงไปถึงคุณแม่ พูดถึงสิ่งที่คุณแม่ทำ มันก็เลยทำให้แคนดี้รู้สึกเดือด ส่วนเรื่องที่เขาจะเรียกแคนดี้ว่าอะไรก็ตามนั้นมันแล้วแต่เขา ถามว่าจี๊ดไหมก็จี๊ดนะ เพราะเราเองก็เป็นคน ทำไมต้องมาด่ากันขนาดนี้ ทำไมคุณไม่แยกแยะสิ่งที่แคนดี้กำลังทำ และสิ่งที่ผ่านมาในอดีตละว่ามันเป็นยังไง"
อาจเป็นเพราะข่าวของเราในอดีตหรือเปล่า เลยทำให้คนมองว่างานด้านวัฒนธรรมที่เราทำอยู่ตรงนี้มันเป็นอะไรที่ขัดแย้ง ?
"ขัดแย้งแน่นอน ถ้าคุณมองว่าแคนดี้เป็นแบบนั้น แต่ว่าในชีวิตปกติของแคนดี้ เวลาแคนดี้ทำงานแคนดี้ไม่ได้แต่งตัวโป๊เปลือย คือทำไมคุณไม่มองละว่าขณะที่แคนดี้ทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม แคนดี้ทำงานยังไง หรือแคนดี้แต่งตัวยังไง แคนดี้แสดงยังไง"
ส่วนตัวเรารู้สึกกดดันไหมเพราะเหมือนคนก็คาดหวังว่าเราจะต้องทำให้ดีเหมือนกับแม่ ?
"มากค่ะ นี่คือสิ่งที่ทำให้แคนดี้ไม่อยากเข้าวงการ เพราะทุกคนมองว่าแคนดี้ต้องเป็นเหมือนคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ทำได้ดีมาก และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแคนดี้เองก็พยายามไม่ใช่ว่าไม่พยายาม แต่ในเมื่อมันทำไม่ได้ ทำได้ไม่ดีพอ แคนดี้ก็ไม่อยากทำ จากนั้นแคนดี้ก็พยายามค้นหาตัวเองมาเรื่อย ๆ จนพบว่าตัวเองสามารถทำโชว์ได้ และล่าสุดกับหน้าที่ที่แคนดี้เพิ่งจะได้รับมอบหมายก็คือการจัดงานประชาสัมพันธ์เพื่อหาคนเข้ามาประกวดหมอลำ แต่สุดท้ายก็มาโดนต่อว่าแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้วิเคราะห์เลยว่าแคนดี้ไม่ใช่คนร้องคนแสดง แต่แคนดี้แค่จัดงานเพื่อหาเด็กรุ่นใหม่มาสืบทอดวัฒนธรรมเพลงหมอลำ"
แสดงว่าตัวเราเองก็รู้สึกน้อยใจที่พยายามทำดีแต่ดันมาโดนต่อว่า ?
"ใช่ค่ะ คือมันทำให้เรารู้สึกว่าการทำความดีเป็นอะไรที่ยาก เพราะจะต้องมีคนเข้ามาหาว่าเราสร้างภาพอยู่ตลอด สังคมมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว คนตัดสินคนด้วยความรู้สึกส่วนตัวและจากพฤติกรรมภายนอกเท่านั้นจริง ๆ"
ย้อนกลับไปตอนที่เราถูกต่อว่าว่าเป็นมารวัฒนธรรม ประโยคนั้นมันส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเราบ้างไหม ?
"ทันทีเลยค่ะ เพราะตอนนั้นแคนดี้กำลังเสนอโปรเจคงานวัฒนธรรมอยู่ กำลังบอกผู้ใหญ่ว่าแคนดี้จะทำหน้าที่เป็นคนรุ่นใหม่สานต่อวัฒนธรรม แต่พอมีข่าวออกมาปุ๊ปผู้ใหญ่สั่งพิจารณาโปรเจคใหม่ทันทีเลย"
เราอยากจะบอกอะไรกับคนที่เข้ามาต่อว่าเราไหม ?
"สิ่งที่คุณทำคุณอาจจะสนุกปาก แต่เชื่อไหมว่ามันเกือบทำให้ความตั้งใจที่จะจัดงานสานต่อวัฒนธรรมของแคนดี้ล้มไปแล้ว เพราะมันบั่นทอนจิตใจมากค่ะ"
กลัวคนนอกจะมองว่าเราต้องการปั่นกระแสให้ตัวเองไหม ?
"(หัวเราะ) ปั่นกระแสแบบนี้อย่าทำเลยค่ะ เพราะมันเกือบทำให้โปรเจคงานของแคนดี้ที่ตั้งใจทำมานานล้มแล้ว อีกอย่างแคนดี้ต้องพูดเลยว่าการปั่นกระแสนั้น มันไม่ได้ช่วยให้แคนดี้งานเยอะขึ้นหรือมีชื่อเสียงมากขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว"
ทางด้านคุณแม่ท่านว่ายังไงบ้างกับข่าวต่าง ๆ ที่ออกมา ?
"ท่านก็ยังเป็นห่วงอยู่ค่ะ เพราะท่านเห็นว่ารอบนี้เราระมัดระวังตัวมากแล้วจริง ๆ ซึ่งสิ่งที่ท่านคอยบอกกับแคนดี้อยู่เสมอก็คือให้สู้เข้าไว้ ของแบบนี้ถ้ามารไม่มีบารมีไม่เกิดหรอก อีกอย่างเรื่องนี้คือความฝันของคุณแม่ ถ้าแคนดี้ไม่ทำและใครจะทำให้แม่ ดังนั้นเราก็สู้ก็ทำกันต่อไปค่ะ"
สุดท้ายก็คือกำลังใจหลักของเราเป็นคุณแม่คนเดียว ?
"ใช่ค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างคือคุณแม่ทั้งหมด ถามว่าทำไมแคนดี้ถึงโมโหกับสิ่งที่เขาต่อว่า ก็เพราะเขาพาดพิงถึงคุณแม่แคนดี้ และที่วันนี้แคนดี้สู้แคนดี้ทำมาทุกอย่างก็เพื่อสานต่อสิ่งที่คุณแม่ท่านทำไว้เท่านั้นจริง ๆ ค่ะ"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ