ที่แท้ฝีมือผัวประสาทหลอน ฆ่าเผา 2 แม่ลูกคารถ

จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถคันหนึ่งในดงหญ้า ริมถนนพระราม 2 ตรงกับหลักกิโลเมตรที่ 25+500 หมู่ที่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ หลังจากเพลิงสงบพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 2 ราย ติดอยู่ในซากรถ สภาพศพถูกไฟไหม้จนแทบไม่เหลือซากนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะ และบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบหลักฐานเพิ่มเติม คือ กางเกงยีนส์ผู้ชายเปื้อนเลือดถูกถอดทิ้งไว้ในพงหญ้า ห่างจากรถไปประมาณ 10 เมตร คาดว่าเป็นของฆาตกร จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และยังพบมีดเก่าปลายแหลมจมอยู่ในดิน มีด้ามโผล่ขึ้นมาอีก 1 อัน ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะใช่อาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ แต่ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ได้เก็บไปตรวจสอบด้วย โดยขณะนี้ทราบแล้วว่าหญิงที่ถูกฆ่าตายทั้ง 2 คน คือ นางอรวรรณ รัตนะ อายุ 37 ปี เจ้าของรถ กับ ด.ญ.ทิพย์อักษร รัตนะ อายุ 11 ปี ลูกสาวคนเล็กของนางอรวรรณ ส่วนผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆ่าทั้งสองคน คือ นายราเมศ รัตนะ อายุ 37 ปี สามีของนางอรวรรณ และเป็นพ่อของ ด.ญ.ทิพย์อักษร ซึ่งมักจะมีอาการประสาทหลอนอยู่บ่อยครั้ง เพราะติดยาเสพติด และมักจะคิดระแวงว่ามีคนตามฆ่าหรือภรรยาจะไปมีคนรักใหม่ จนถึงขั้นเคยขู่ฆ่านางอรวรรณอยู่หลายครั้ง

จากการสอบถามญาติของนางอรวรรณ ที่ จ.ชุมพร ก็ทราบว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา นายราเมศได้พานางอรวรรณ และลูกสาวอีก 2 คน ออกมาจากบ้านที่อำเภอพะโต๊ะ เพื่อมาส่งลูกสาวคนโตที่อำเภอหลังสวน แต่หลังจากส่งลูกสาวคนโตเสร็จ จนกระทั่งในช่วงบ่าย ญาติๆ เห็นยังไม่กลับมาบ้าน จึงได้โทรศัพท์หานางอรวรรณอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมาถูกพบกลายเป็นศพถูกไฟไหม้อยู่ในซากรถ ด้านพี่สาวของนายราเมศ ซึ่งอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า เมื่อเช้านี้นายราเมศมาขโมยรถจยย.ที่บ้านของตนแล้วขับหายไป ทางญาติพยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก

เบื้องต้น จากหลักฐานที่เก็บพิสูจน์ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ต้องสงสัยฆ่าผู้หญิงทั้ง 2 คน น่าจะเป็นนายราเมศ เนื่องจากนายราเมศเคยมีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง คือพานางอรวรรณกับลูกมาบ้านพี่สาว พออาการทางประสาทกำเริบ ก็ขับรถจยย.ของพี่สาวไปที่สถานีรถไฟ แล้วก็นั่งรถกลับบ้านที่ จ.ชุมพร โดยทิ้งเมียและลูกไว้ที่ จ.สมุทรปราการ