ศาลยกคำร้อง 2 ดาบตำรวจนครบาล ข่มขืนผู้ต้องหาบนโรงพัก ชี้พยานหลักฐานมีพิรุธ
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง 2 ดาบตำรวจนครบาลเพชรเกษมข่มขืนผู้ต้องหาบนโรงพัก ระบุพยานหลักฐานยังมีพิรุธหลายประการ ขณะที่ดาบตำรวจเตรียมยื่นฎีกาสู้คดีต่อ
วันที่ 10 ตุลาคม นายดาบตำรวจมงคล โททอง และ นายดาบตำรวจนุโลม แอ๊ดมา อดีตตำรวจนครบาลเพชรเกษม ถูกควบคุมตัวจากเรือนจำ มายังศาลอาญา เพื่อฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ตามที่ครอบครัวของทั้งสองคนยื่นคำร้อง ขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ตาม พ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีอาญา
หลังจากที่ทั้งสองคนตกเป็นผู้ต้องขังในคดีกระทำชำเราผู้ต้องหาหญิงอายุ 16 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 ภายในสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม ซึ่งที่ผ่านมาศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด จำคุกคนละ 20 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท
ต่อมา นางสาวเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายกลับสารภาพว่า ได้ปรักปรำใส่ร้ายดาบตำรวจทั้งสอง ดีเอสไอจึงได้ยื่นฟ้อง นางสาวเอ ฐานเบิกความเท็จ และศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 18 เดือน แต่นางสาวเอ รับสารภาพ โทษจำคุกเหลือ 9 เดือน
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่า ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ทั้งสองคนสามารถนำพยานหลักฐานต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนที่ผู้เสียหาย ยอมรับสารภาพว่า เบิกความเท็จเพื่อปรักปรำนายดาบตำรวจทั้งสองคน โดยอ้างว่าสำนึกผิด ศาลเห็นว่าอาจมีเหตุจูงใจอื่น
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานยังมีข้อพิรุธหลายประการและไม่ปรากฎเหตุผลที่ดาบตำรวจทั้งสอง เพิ่งมายื่นฟ้องผู้เสียหายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาตัดสินไปแล้ว โดยปล่อยระยะเวลาผ่านล่วงเลยมานาน ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นำผู้เสียหายเข้าเครื่องจับเท็จแล้วไม่พบพิรุธ ศาลเห็นว่าไม่อาจรับฟังเป็นพยานใหม่ได้เพราะเครื่องจับเท็จก็มีความผิดพลาดและดาบตำรวจทั้งสอง ยังแจ้งความว่าผู้เสียหายให้การเท็จ ที่ สน.พหลโยธิน แต่กลับไม่แจ้งความที่ สน.พื้นที่เกิดเหตุ โดยไม่มีเหตุผล
ส่วนที่ผู้เสียหายรับสารภาพว่าปรักปรำ ดาบตำรวจทั้งสอง พยานหลักฐานก็ยังก็มีข้อพิรุธ ว่าผู้เสียหายรับสารภาพเพื่อช่วยเหลือดาบตำรวจทั้งสองหรือไม่ จึงยังไม่มีมูลให้รื้อฟื้นคดีใหม่ มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ดาบตำรวจทั้งสองและครอบครัวที่มาฟังคำพิพากษา ต่างร้องให้และโผเข้ากอดกัน นางสายนภา แอ๊ดมา ภรรยาดาบตำรวจนุโลม กล่าวว่ารู้สึกเสียใจมาก และดาบตำรวจนุโลม ก็ระบุว่าสงสารครอบครัวที่จะต้องเหนื่อย มาคอยช่วยเหลือ แต่จะยื่นฎีกาสู้คดีต่อไป