เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! พ่อ "นรต.โยโย่" โดดร่มเสียชีวิต ภรรยาหย่า-โดนข่มขู่ปองร้าย
นายสาทร พุทธชัยยงค์ บิดาของ นักเรียนนายร้อยตำรวจชยากร พุทธชัยยงค์ หรือ น้องโยโย่ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กระโดดร่มไม่กาง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557 ถูกภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปี ฟ้องหย่าเรียก เงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องราวหลังถูกกลุ่มบุคคลส่งข้อความมาข่มขู่ปองร้ายว่า ขณะนี้สภาพจิตใจแย่หลายประการโดยเฉพาะภาพความทรงจำของการสูญเสียลูกคนเดียวของครอบครัวไป และเรื่องคดีมียังไม่มีความคืบหน้า กลับต้องมาโดนข่มขู่จากกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีอีก และได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ไพศาล ชุสุทธิสกุล พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไปยังบริษัทเจ้าของเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เบื้องต้นทราบว่าเป็นการใช้ซิมซึ่งไม่ได้จดทะเบียน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนติดตามตัวคนส่งข้อความข่มขู่ นายสาทร มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนการดูแลความปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจท้องที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้แบ่งกำลังเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยในเบื้องต้น
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา นายสาทร พุทธชัยยงค์ ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อรับฟังคำพิพากษาหลังจากถูก นางศิริลักษณ์ พุทธชัยยงค์ ภรรยาของตนเองที่อยู่ด้วยกันมากว่า 20 ปี มอบให้ทนายฟ้องหย่าเรียกเงินจำนวน 1 ล้าน 2 แสนบาท แต่จากคำพิพากษาของศาลที่ตัดสินให้ทั้งนายสาทร และ นางศิริลักษณ์ พุทธชัยยงค์ แยกทางกันด้วยดีและนายสาทรยินยอมจ่ายค่าเรียกร้องให้จำนวน 4 แสนบาท ทำให้ครอบครัวพุทธชัยยงค์ จำต้องจบลงและแยกทางกัน หลังจากที่ลูกชายคนเดียวไปการฝึกอบรม นรต.หลักสูตรพลร่มนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่นที่ 69 กระโดดร่มไม่กางตกลงมากระแทกพื้นเสียชีวิต
นายสาธร พุทธชัยยงค์ ยอมเปิดเผยความรู้สึกที่ต้องสูญเสียครอบครัวว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวพุทธชัยยงค์ เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งบุตรชายเสียชีวิต ครอบครัวได้ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพบุตรชายเรียบร้อยแล้ว ตนก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับนางสิริรัตน์ พุทธชัยยงค์ ผู้เป็นภรรยา ซึ่งนางสิริรัตน์ ระบุกับนายสาธรว่า ไม่ต้องการอยู่ที่บ้าน เนื่องจากรับไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอกลับไปอยู่กับญาติพี่น้อง และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้นัดหมายให้นายสาธร และนางสิริรัตน์ มารับฟังการพิจารณาของศาล โดยระบุว่าไม่สามารถรับความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ครอบครัวพุทธชัยยงค์ จะมีการทำกิจกรรมต่างๆในครอบครัวด้วยกันเสมอ
อย่างไรก็ตามแม้ชีวิตครอบครัวของนายสาธรพุทธชัยยงค์จะยุตติลง ด้วยสภาพบ้านหลังเก่าที่เคยอบอุ่นด้วยครอบครัวที่มีความรัก และทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข นายสาธร ยังคงเก็บภาพความทรงจำของครอบครัวเอาไว้ และวิงวอนขอผู้ที่คิดกระทำด้วยการใด ๆ ก็ตาม หากคิดที่จะทำร้ายก็ขอให้ยุติ ขอให้ตนได้เป็นข้าราชการครูได้สอนลูกศิษย์ต่อไป เพราะทุกวันนี้เหลือเพียงตัวคนเดียวแล้วหากต้องการที่จะมาทำร้ายจริงตนก็ยอม