ราชินีแมงป่องคว้าสถิติโลกได้สำเร็จ อยู่กับแมงป่อง 5,000 ตัว
ทุบสถิติใหม่ล่าสุด การใช้ชีวิตร่วมกับแมงป่องร่วม 5,000 ตัว เป็นเวลา 33 วัน 33 คืน ของราชินีแมงป่อง
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2552 พิพิธภัณฑ์ Ripley's Believe It or Not! (ริบลีส์ บีลีฟอิทออร์นอท) บริหารและดำเนินงานโดย บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคกลาง เขต 3 และเมืองพัทยา ได้จัดงาน ร่วมเป็นสักขีพยานการทุบสถิติใหม่ล่าสุด การใช้ชีวิตร่วมกับแมงป่องร่วม 5,000 ตัว เป็นเวลา 33 วัน 33 คืน ของราชินีแมงป่อง คุณกาญจนา เกตุแก้ว โดยก่อนหน้านี้ราชินีแมงป่องได้ประสบความสำเร็จ สร้างสถิติอมแมงป่องไว้ในปากได้นาน 2 นาที 3 วินาที ถือเป็นช่วงเวลาที่นานที่สุดในโลกและเป็นผู้พิชิตประกาศนียบัตรกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดคนแรกของโลก ริบลีส์และราชินีแมงป่องพร้อมตั้งเป้าลบสถิติทันทีหากมีใครมาพิชิตสถิติทั้งสองนี้ในอนาคต
กาญจนา เกตุแก้ว ราชินีแมงป่อง กล่าว่า ในตอนนี้มีความรู้สึกทั้งดีใจและทั้งภูมิใจมากที่สามารถสร้างสถิติใช้ชีวิตทั้งกิน ทั้งนอนอยู่ร่วมกับแมงป่องติดต่อกันได้นาน 33 วัน 33 คืน เป็นคืนวันที่ยาวนานตั้งแต่ปีที่แล้วตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ก่อนหน้านี้ก็มีความรู้สึกดีใจมากๆ ที่ตนเองสามารถสร้างสถิติแรกด้วยการอมแมงป่องไว้ในปากนาน 2 นาที 3 วินาที พอมาถึงการทำสถิติที่สองนี้
"ดิฉันมองว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่อย่างไรก็ตามตนเองได้รับกำลังใจจากทุกๆ คนที่มาเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจจากหลากหลายชาติหลายภาษา จึงทำให้มีความเชื่อมั่นและมีความมั่นใจอย่างมาก นับตั้งแต่ได้เข้าไปอยู่ในห้องกระจก ในทุกๆ วันต้องอยู่กับแมงป่อง 5,000 ตัว ซึ่งจะต้องมีสมาธิตลอด และแน่นอนในการสร้างสถิติครั้งนี้ก็เหมือนกัน เพื่อไม่ให้ตนเองผิดหวังและไม่ให้คนที่เชียร์เราต้องผิดหวังตามไปด้วย ดิฉันจะคิดเสมอว่าเราไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงของเราแต่อย่างเดียว แต่เราทำเพื่อประเทศไทย ทำเพื่อหวังว่าทั่วโลกจะได้รู้จักประเทศไทยและมาเที่ยวบ้านเมืองเราให้มากขึ้น จะได้ช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเราตอนนี้กระเตื้องดีขึ้นไม่มากก็น้อย" ราชินีแมงป่อง กล่าว
ราชินีแมงป่อง กล่าวอีกว่า แมงป่องที่เข้าร่วมในครั้งนี้ล้วนเป็นพันธุ์แมงป่องช้างทั้งหมด รวม 5,000 ตัว ถูกลำเลียงจัดส่งมาจากเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อจับมือร่วมกับราชินีแมงป่องเป็นผู้สร้างสถิติกับริบลีส์ เจ้าแมงป่องทุกตัวจะยังมีพิษอยู่ในตัวเค้าทุกตัว โดยตลอดระยะเวลาทั้ง 33 วันที่ผ่านมานั้นดิฉันได้โดนแมงป่องต่อยรวมทั้งหมด 13 ครั้ง ซึ่งพยายามที่จะอดทนต่อความเจ็บปวด แต่เนื่องจากตลอดระยะเวลา 10 ปีที่อยู่ร่วมกับแมงป่องได้ถูกแมงป่องต่อยมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ร่างกายสามารถทนพิษแมงป่องได้
"ถ้าหากว่าในอนาคตมีผู้โค่นสถิติการอมแมงป่องมีพิษไว้ในปาก และการสร้างสถิติอยู่ร่วมกับแมงป่องที่มีระยะเวลาการสร้างสถิติติดต่อกันมากที่สุดในโลก ก็จะร่วมมือกับริบลีส์และกลับมารักษาแชมป์ทันที อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ขอแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่มีความชำนาญ รวมถึงเด็กๆ ด้วย เพราะทั้งหมดนี้เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวจริงๆ ห้ามลอกเลียนแบบ" กาญจนา กล่าว
ด้านนายสมพร นาคซื่อตรง ผู้จัดการทั่วไป พิพิธภัณฑ์ริบลีส์ "Believe it or Not!" พัทยา ในฐานะผู้ริเริ่มการจัดงานสร้างสถิตินี้ กล่าวว่า งานร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่ายด้วยกัน โดยทางพิพิธภัณฑ์ริบลีส์ "Believe it or Not!" พัทยา ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของคนไทยที่ทางเรามั่นใจว่าสามารถสร้างความประทับใจและตื่นตะลึงแก่คนทั่วโลกได้ และเรามั่นใจว่าในการสร้างสถิติ โดยคุณกาญจนา เกตุแก้ว ที่จะสามารถอยู่กับแมงป่องได้ยาวนานกว่าของเดิมที่เคยทำไว้ที่ 32 วัน 32 คืน โดยครั้งนี้ได้สร้างสถิติเพิ่มอีกเป็น 33 วัน 33 คืน และเพิ่มจำนวนแมงป่องเป็น 5,000 ตัว
นายสมพร กล่าวว่า นอกจากนี้ราชินีแมงป่องได้พัฒนาขีดความสามารถขึ้นอีกด้วยการสร้างสถิติการอมแมงป่องไว้ในปากนานที่สุดในโลกเป็นคนแรกของโลกอีกด้วย และเพื่อเป็นการจารึกความสำเร็จ ทันทีที่คุณกาญจนา ทำสถิติอมแมงป่องสำเร็จทางริบลีส์ได้จัดส่งสถิติเข้าพิชิตทำเนียบกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด หรือกินเนสบุ๊ค ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในการบันทึกสถิติโลก
"ขณะนี้ประกาศนียบัตรอันทรงเกียรติได้ส่งมาถึงอยู่ในมือของเราและพร้อมจะมอบให้กับ คุณกาญจนา เกตุแก้ว ทันทีที่เธอย่างก้าวออกมาจากห้องกระจก การจัดงานครั้งนี้ เราปฏิบัติตามกติกาสากลของกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด อย่างเคร่งครัดทุกประการ และยังจะค้นหาผู้ที่มีความสามารถพิเศษเพื่อสร้างสถิติโลกในรูปแบบอื่นๆ พร้อมพัฒนาการจัดงานในครั้งหน้าให้ดีขึ้นต่อไป เพราะถือเป็นอีกช่องทางในการจะช่วยผลักดันให้คนไทยได้ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบความเป็นที่สุดของโลกได้อย่างไม่อายใคร เราเชื่อว่าคนไทยมีดีและมีความสามารถที่ดีเยี่ยมไม่แพ้ชาติอื่นในโลก และการจัดงานครั้งนี้เรายังหวังว่าจะเสริมสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา อันจะเป็นการสร้างชื่อเสียงและช่วยกู้วิกฤตเศรษฐกิจตอนนี้ให้กับประเทศไทย" นายสมพร กล่าว