มช.ต้านเสื้อแดง แสดงละครต้านตบผอ.หอสมุด
นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมกลุ่มแสดงละครถือป้ายต่อต้านเสื้อแดงตบผอ.หอสมุด มช.ในมหาวิทยาลัย ชมรมกำนัน-ผญบ.ฯย้ำวางตัวเป็นกลางไม่ร่วมชุมนุมใหญ่เสื้อแดง ปลัดกลาโหม"แนะ "ทักษิณ"หยุดเคลื่อนไหวเพื่อชาติ
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 27 ม.ค.ที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีกลุ่มนักศึกษาชายรวม 4 คนซึ่งไม่ขอเปิดเผยคณะและชั้นปีได้พากันแต่งกายสวมหน้ากากรวมกลุ่มแสดงละครเสียดสีและต่อต้านการกระทำของกลุ่มเสื้อแดงที่ตบหน้านางเพ็ญสุวรรณ นาคะปรีชา อายุ 54 ปี ผอ.หอสมุดมช. ท่ามกลางความสนใจของเพื่อนนักศึกษาที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในโรงอาหาร
สำหรับการแสดงละครเสียดสีการเมืองดังกล่าว นักศึกษาคนหนึ่งได้นำหน้ากากเป็นรูปหน้าการ์ตูนที่เป็นเพศหญิงมาสวมไว้ ส่วนเพื่อนที่เหลือในมือถือปืนของเล่นสีดำรวม 2 กระบอก ตลอดระยะเวลาของการเดินผู้ร่วมแสดงได้ทำท่าจ่อปืนของเล่นไว้ที่ขมับของผู้ที่สวมหน้ากากการ์ตูนหญิงและมีการชูป้ายที่มีข้อความเขียนว่า "ทำร้ายมช. ทำลายอนาคตของชาติ" , "หยุดการใช้ความรุนแรงในรั้ว มหาวิทยาลัย"และ "ทำร้ายมหาลัย ทำร้ายนักศึกษา อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล" กล่าวโจมตี
นายน้ำหมอก (นามสมมติ) หนึ่งในนักศึกษา มช.ที่ออกมาใช้ละครสะท้อนความเห็น เปิดเผยว่า กรณีเสื้อแดงทำร้าย ผอ.หอสมุดซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นในความคิดของนักศึกษามองเรื่องที่เกิดขึ้นว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ทำเกินกว่าสามัญสำนึกของคนจะกระทำ เพราะก่อเหตุในสถานศึกษาที่ยืนกรานมาตลอดว่า มช.เป็นกลางทางการเมือง แต่ว่าสิ่งที่กลุ่มเสื้อแดงทำในจ.เชียงใหม่นั้นขัดแย้งกับชื่อกลุ่มของเขามาก
"อยากถามว่าพวกเขารักเชียงใหม่จริงหรือเปล่า ผมเองแม้ไม่ได้เกิดที่เชียงใหม่ แต่มาอยู่หลายปีก็เกิดความผูกพันกับที่นี่มาก แต่สำหรับพวกที่ก่อเหตุอยากถามกลับว่าเขาอยู่กันมากี่ปีแล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย โดยเฉพาะกระทำการในสถาบันการศึกษาที่ลูกหลานของเขาจะต้องเข้ามาเล่าเรียนเด็กอย่างเราไม่เข้าใจ อีกอย่างหลังเกิดเหตุนักศึกษาของ มช.เองกลับไม่ได้รับรู้เรื่องราว มีคนที่ทราบเรื่องน้อยมากทั้งที่เป็นข่าวครึกโครม"นายน้ำหมอ กล่าว
นายน้ำหมอก กล่าวอีกว่า จุดประสงค์หลักที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้คือต้องการกระตุ้นให้นักศึกษามช.หันมาสนใจเหตุบ้านการเมือง ที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัย งที่ผอ.หญิงหอสมุด มช.ถูกกลุ่มเสื้อแดงทำร้ายด้วยการตบหน้า หลายคนในมหาวิทยาลัยยังไม่ทราบเรื่องจึงอยากให้การทำตรงนี้สร้างการรับรู้และให้นักศึกษาตระหนัก
ชมรมกำนัน-ผญบ.ฯย้ำวางตัวเป็นกลางไม่ร่วมชุมนุมใหญ่เสื้อแดง
นายอินหวัน บั้งเงิน ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยกรณีที่แกนนำผู้จัดรายงานความจริงวันนี้จะมีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 31 ม.ค. ที่ท้องสนามหลวง เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภาว่า ในส่วนของชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ จากการพูดคุยกันที่จ.อุตรดิตถ์ เมื่อเดือนธ.ค. 51 เห็นพ้องต้องกันและมีมติแล้วว่าจะวางตัวเป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นกับฝ่ายเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ เห็นว่าบ้านเมืองตอนนี้บอบช้ำมาก ต้องการให้เกิดความสงบและให้รัฐบาลบริหารและแก้ไขปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนหรือความวุ่นวายเหมือนเดิมอีก อยากให้เหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในความสงบด้วยความสมานฉันท์ และที่สำคัญไม่อยากให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจากการที่พสกนิกรของพระองค์ท่านทะเลาะกันเอง
" จากการสอบถามชาวบ้านรอบนอกส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง และเชื่อว่าในวันชุมนุมใหญ่ชาวบ้านรอบนอกจะไม่มีวี่แววว่าจะไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากใครต้องการไปร่วมชุมนุมก็ไม่ได้ห้ามเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจะวางตัวเป็นกลาง ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปทำให้ชาติเจริญ" นายอินหวัน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่หลายจังหวัด เชื่อมั่นว่าไม่ได้เป็นความต้องการของประชาชนทั้งหมด เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คนที่ไม่เห็นด้วยแต่ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นก็เยอะ ทั้งนี้ ในจ.เชียงราย เองจากการสำรวจก็พบว่ามีเพียงเสื้อแดงในพื้นที่เขตเทศบาลเท่านั้นที่มีการเคลื่อนไหวเพียง 20-30 คนเท่านั้น
ม.เที่ยงคืนลังเลแถลงการณ์ประณามเสื้อแดง
ผศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงตบหน้าผู้อำนวยการหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมาก เพราะโดยหลักการเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของคนอื่นซึ่งเราไม่เห็นด้วย ในส่วนของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกันพิจารณาว่าจะร่างแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมาหรือไม่อย่างไร หรืออาจจะนำแถลงการณ์ขึ้นเว็บไซต์ภายในของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนแทน แต่ถ้าทำผิดรัฐก็ควรต้องดำเนินการเพราะการใช้กำลังเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและกลุ่มเสื้อแดงไม่ควรทำอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตามรัฐควรให้ความเป็นกลางเสมอภาคในการใช้มาตรการทางกฎหมายกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม แต่โดยส่วนตัวยังรู้สึกผิดหวังกับนายกรัฐมนตรีมากที่ไม่มีทีท่าจะไม่ดำเนินการใดๆกับพวกที่ยึดสนามบิน
ปลัดกลาโหม"แนะ "ทักษิณ"หยุดเคลื่อนไหวเพื่อชาติ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ถูกลอบสังหารว่า คงต้องถามพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยังไม่เห็นข่าว ส่วนการรักษาความปลอดภัยหากพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยเพื่อสู้คดีนั้น รัฐบาลก็บอกชัดเจนว่ากลับมาได้ ส่วนกรณีที่ปล่อยให้คนที่เป็นผู้ต้องหาโฟนอินเข้ามาถูกต้องหรือไม่นั้น ท่านต้องคิดเอง และปล่อยให้สังคมเป็นคนพิจารณา และคิดว่าการโฟนอินในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ คงไม่มีปัญหาและไม่น่าเป็นห่วง โดยเชื่อว่า เหตุการณ์การชุมนุมจะไม่บานปลาย มั่นใจว่า ทุกฝ่ายมีความเข้าใจกันแล้ว ซึ่งกองทัพจะยังไม่เข้าไปร่วมดูแลการชุมนุม เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยตรง แต่ขณะเดียวกันกองทัพพร้อมสนับสนุนการดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุมหากมีการร้องขอจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องเตรียมพร้อมด้านกำลังในการเผชิญเหตุ
พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสู้ไม่ถอย และวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ รัฐบาล องคมนตรี อย่างรุนแรงว่า ตนไม่ได้ดูท่านพูด และในสิ่งที่ท่านพูด ท่านคิดเองหรือไม่ ถ้าท่านคิดเอง ส่วนตัวคิดว่า เป็นความคิดที่ไม่น่าจะถูกต้อง ปกติแล้วท่านเป็นคนฉลาด ท่านไม่น่าจะคิดได้แค่นี้ ท่านน่าจะอยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมืองมากกว่า ตนคิดว่า อดีตนายกรัฐมนตรีควรลองกลับไปคิดใหม่ว่า สิ่งที่พูดเกิดประโยชน์กับตนเองและส่วนรวมหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะใช่ทั้งสองอย่าง เพราะจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกมากกว่า
" ในอดีตที่ผ่านมา อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยถูกปฏิวัติจนต้องออกนอกประเทศไป ไม่มีท่านใดทำอย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณทำ และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ และในที่สุดอดีตนายกฯที่ถูกปฏิวัติก็สามารถกลับสู่ประเทศไทยได้ แต่ถ้า พ.ต.ท. ทักษิณ ทำอย่างนี้ คงเป็นเรื่องยากในการกลับเข้าประเทศไทย ส่วนการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น คิดว่าประชาชนไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้เท่าไร ถ้าสำรวจความนิยมขณะนี้น่าจะลดลงด้วยซ้ำไป คนที่ฟังท่านโฟนอินเข้ามาในครั้งแรกๆ คงมีคนสนใจ แต่ปัจจุบันลดลงไปเพราะพูดคล้ายๆของเดิมคือ พูดเพื่อปลุกปั่น เพื่อระดมปลุกความรู้สึกของประชาชนให้เห็นใจท่าน มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม " พล.อ.อภิชาต กล่าว
เมื่อถามว่า การออกมาพูดของพ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นการฆ่าตัวเองหรือไม่ พล.อ.อภิชาต หัวเราะก่อนกล่าวว่า ท่านคิดของท่านเองดีกว่า ตนอยากฝากให้ท่านไปคิดให้มากกว่านี้ เพื่อทำอะไรให้กับประเทศชาติ เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ถูกกดดันมากเกินไปหรือไม่จึงต้องออกมาต่อสู้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่เห็นมีใครไปบีบหรือไปกดดันท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมน่าจะจบ ไม่น่ามีปัญหา แต่ที่เป็นอยู่ ท่านยังดื้อดึงอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านไม่ควรกระทำ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ควรจะกลับมาสู้คดีใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้าท่านนิ่งไม่ออกมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องสักระยะหนึ่งสถานการณ์น่าจะดีขึ้น เพราะคนไทยลืมง่ายไม่ได้ผูกใจเจ็บกับใครหรือปัญหาอะไร ถ้าสงบนิ่งสักระยะหนึ่ง สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ท่านก็มีโอกาสได้กลับมาอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องการถูกลอบสังหารนั้น เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท. ทักษิณ คิดไปเองมากกว่า เพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรท่านอยู่แล้ว ทั้งนี้ส่วนตัวตนไม่ได้มองว่า ท่านมีความผิดอะไร แต่ในสิ่งที่ท่านทำไป อาจจะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้คาดถึงมาก่อน ซึ่งตรงนี้น่าจะเข้ามาคุยกันพูดกัน ให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตัดสินตามที่ควรจะเป็น
เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ อ้างว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ให้ความเป็นธรรม พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ให้ความเป็นธรรม ก็ไม่มีอะไรที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนของประเทศได้ ตนยังยืนยันกระบวนการยุติธรรมว่า ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนเท่าเทียมกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวโจมตีกระบวนการยุติธรรม รัฐบาล กองทัพ และองคมนตรี จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของรัฐบาลและกองทัพ และผู้เกี่ยวข้องที่ พ.ต.ท. ทักษิณ พูดถึง คงไม่มีปัญหาและไม่มีผลกระทบอะไร เพราะประชาชนเข้าใจและคิดได้ ทั้งนี้ตนได้คุยกับเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท. ทักษิณ หลายคนว่า ถ้ามีโอกาสได้คุยกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ให้ช่วยคุยนิดหนึ่งว่า ถ้าท่านสงบนิ่งสักระยะหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นกับตัวท่านเองและประเทศชาติ
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุถึงการที่มีผู้คิดปองร้ายลอบสังหารว่า ยังไม่ได้ข่าวนี้ ทั้งนี้หากอดีตนายกฯ จะเข้ามา เราจะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ตนให้ความมั่นใจได้ เพราะท่านก็เคยเดินทางกลับมาแล้ว คงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เพราะเราจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้
เมื่อถามถึงกรณีที่กรมกำลังพล สตช. ส่งเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมานั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่อง ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่จะรวบรวมว่ามีจำนวนเท่าไรถึงจะโปรดเกล้าฯ ขึ้นไปเพื่อลงพระปรมาภิไธยฯ ซึ่งต้องได้จำนวนมากพอสมควร เพื่อไม่ให้รบกวนเบื้องพระยุคลบาท ในทางปฏิบัติไม่ใช่รายเดียว แต่เขาจะเสนอเป็นล็อตๆ ไป
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในข่ายที่ถูกยศหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คงดูเรื่องระเบียบเรียบร้อยแล้ว เพราะระเบียบและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาวางไว้หมดแล้ว ซึ่งหากมีการถอดยศต้องเป็นตามระเบียบ หลักเกณฑ์ เพราะการพิจารณาเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน และเชื่อว่า กระแสสังคมคงจะกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะกฎหมายและระเบียบกำหนดอยู่ เราต้องดำเนินการไปตามนั้น
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าผู้ที่นิยมในตัว พ.ต.ท. ทักษิณ จะออกมาต่อต้าน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เราอย่าไปเกรงกันเกินเหตุ ทุกคนก็มีเหตุมีผล เมื่อมีระเบียบและกฎหมาย ก็ต้องปฏิบัติ ทุกคนน่าจะรับฟัง
เมื่อถามถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ที่สนามหลวง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การชุมนุมทำได้ตามปกติ แต่ต้องยึดหลักสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ เท่าที่ประเมินสถานการณ์คิดว่า ไม่น่ามีความรุนแรง ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลดูแลอยู่ และจะใช้แผนปกติในการดำเนินการ แต่การปรับกำลังดำเนินการอยู่ตลอดหากมีความจำเป็น คาดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่จังหวัดต่างๆ สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้ามาชุมนุม และปกติไม่เคยสั่ง เชื่อว่า การชุมนุมเป็นไปได้โดยปกติ และไม่น่าจะกระทบต่อการประชุมอาเซียนซัมมิท เพราะเป็นคนละห้วงเวลากัน