เปิดปูม 4 เรื่องฉาว เขย่าวงการสีกากี
รวมคดีดัง! จุดจบของผู้พิทักษ์กฏหมายที่ทำผิดกฏหมายเสียเอง อุทาหรณ์สอนใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อย่าริเดินผิดทาง
เรื่องราวสะเทือนวงการสีกากี กับคดีอื้อฉาวที่มีนายตำรวจเข้าไปพัวพัน เมื่อผู้พิทักษ์กฎหมายฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง จึงตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน เรามักจะได้ยินเรื่องเสื่อมเสียของวงการตำรวจเป็นระยะ แต่ที่เป็นคดีใหญ่ๆ สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วประเทศก็พอจะรวบรวมได้ดังนี้
คฤหาสน์ซ่อนขุมทรัพย์ของนายตำรวจใหญ่
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พร้อมตำรวจอีก 6 นาย และพลเรือนอีก 3 คน รวมทั้งหมด 10 คน ถูกตั้งข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รับสินบน และอีกหลายข้อหาหนัก นับเป็นอีกครั้งที่ทำให้วงการตำรวจถูกสังคมจับตามอง
พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.ป. หนึ่งในผู้ต้องหาที่โดนจับกุมในครั้งนี้ ได้ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ทราบในภายหลังว่าก่อนเข้าให้ข้อมูล นั้น พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ เครียดมากและมีพยานยืนยันว่า พยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง มีการเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย
เรื่องนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ เพราะล่าสุดหลังจากมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขุมทรัพย์นับพันล้าน ซุกธนบัตรดอลลาร์ไว้เป็นฟ่อน ทองคำแท่ง-รูปพรรณ กับวัตถุโบราณจำนวนมาก แม้กระทั่งนายดาบคนขับรถก็ยังมีสมบัติในครอบครองอย่างต่ำคนละ 50 ล้าน เจ้าตัวสารภาพว่าร่วมรับส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้เดือนละ 15 ล้าน
ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าคดีนี้จะไปจบลงที่ไหน
ป๋าลอ พัวพันเพชรซาอุฯ อุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์
(อดีต) พล.ต.ท. ชลอ เกิดเทศ หรือ "ป๋าลอ" กับคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ เมื่อ20 ปีก่อน หลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจตามหาเพชรราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบีย หรือที่เรียกกันว่า "เพชรซาอุ" จากคดีดังกล่าวจึงได้มีประกาศถอดยศ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ถึงแม้ว่าศาลอุทธรณ์และศาลฏีกาจะตัดสินลงโทษประหารชีวิต แต่ในปี 2553 พลตำรวจโทชะลอ เกิดเทศได้รับพระราชทานอภัยโทษ เหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากเป็นนักโทษชรา อายุเกิน 70 ปีที่รับโทษมาแล้ว 2 ใน 3 และเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี สามารถพักการลงโทษได้ตามเงื่อนไข ปัจจุบันออกจากเรือนจำบางขวางเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะครบตามเงื่อนไข
เรื่องราวข้างต้นของพลตำรวจโทชลอ เกิดเทศ ยังถูกยกขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาในชั้นเรียนกฎหมายทุกระดับในประเทศไทย ว่าด้วยเรื่องผู้รักษากฎหมายที่ทำผิดกฎหมายเสียเอง
นายตำรวจนักอุ้มฆ่า
(อดีต) พ.ต.ท พันศักดิ์ มงคลศิลป์ หากพูดถึงชลอ เกิดเทศแล้วก็คงจะไม่พูดถึงคนนี้ไม่ได้ เพราะมีฐานะเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีเดียวกัน
โดยก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมในคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ พ.ต.ท. พันธ์ศักดิ์ ก็มีชื่อเข้าไปพัวพันกับอุ้มฆ่าอื่นๆ อีก 4 คดี ได้แก่ คดีอุ้มฆ่า ส.ท.สมเกียรติ น้อยเล็ก มือปืนชื่อดังของภาคตะวันออก คดีอุ้มฆ่ากำนันประเชิญ บุญปราโมทย์ คดีอุ้มฆ่า นางตรีนุช บุญทวี ภรรยาของ ส.จ.ปราจีนบุรี ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของแฟนสาวพ.ต.ท.พันศักดิ์นั่นเอง และยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอุ้มฆ่าหัวหน้าแขวงการทางพิเศษ จ.ปราจีนบุรี ที่มาติดพันแฟนสาวของพ.ต.ท.พันศักดิ์ด้วย
สำหรับคดีฆาตกรรมสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ พ.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ศาลจึงลดหย่อนให้เหลือโทษจำคุกเพียง 40 ปี และได้รับการลดหย่อนโทษเรื่อยมา จนกระทั่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2555 และประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
แต่หลังจากพ้นคุกออกมาได้เพียงปีเดียว อดีต พ.ต.ท. พันศักดิ์ ก็ถูกจับกุมอีกครั้ง จากการเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีอุ้มฆ่าเผา นายชัยชนะ หมายงาน หรือ "เสี่ยอ้วน โรงเกลือ"
ดูเหมือนว่าอดีตนายตำรวจผู้นี้จะถนัดงานอุ้มฆ่ามากกว่างานรับเหมาก่อสร้าง
แก๊งจ่าเรียกค่าไถ่ หัวใจอำมหิต
ส.ต.อ.สุริยา ชะระจำนงค์ หรือ "จ่าโดม" ร่วมกับพวกจับเหยื่อ 5 รายไปเรียกค่าไถ่แล้วลงมือฆ่าเหยื่อจนตาย 2 ราย ย้อนกลับไปในวันที่ 8 สิงหาคม 2551 นายสมชาย แซ่เหลียง ขับรถกระบะพาลูกสาวและหลานๆ ไปส่งที่โรงเรียน จ่าโดมและพวกได้ขับรถปาดหน้าและใช้อาวุธปืนจี้บังคับจับตัวไปเรียกค่าไถ่จากญาติๆ เป็นเงิน 3 ล้านบาท
แต่เนื่องจากตกลงกันไม่ได้ จึงใช้เชือกรัดคอฆ่านายสมชาย ทิ้งศพไว้ในพงหญ้า และต่อมาได้ลงมือฆ่า ด.ญ.ปภัสสร วัย 14 ปี อย่างโหดเหี้ยม แล้วใช้รถยนต์เหยียบร่าง แล้วขับหนีไป ตำรวจที่ลงพื้นที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงว่ามีเด็กมาขอความช่วยเหลือ คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ตาย จึงรีบไปตรวจสอบ แล้วความโหดร้ายทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยขึ้นนับจากนี้
น.ส.ศิริวรรณ แซ่เหลียง หรือ "น้องแป้ง" อายุ 15 ปี ที่ยังอยู่ในอาการช็อกและเสียขวัญอย่างเห็นได้ชัด เล่าคร่าวๆ ว่า ด.ญ.ปภัสสร ที่รถทับตายนั้น เป็นน้องสาว ก่อนหน้านี้ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และคนร้ายได้ฆ่าน้องตายไปต่อหน้าต่อตา ตนเองแกล้งตายจึงรอดมาได้
"น้องแป้ง" จำหน้าผู้ก่อเหตุได้อย่างแม่นยำ เพราะ 1 ในนั้น คือ ส.ต.อ.สุริยา ชะระจำนงค์ หรือ "จ่าโดม" ตำรวจสังกัดโรงพักพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา คนในครอบครัวเหยื่อยืนยันว่ามีความสนิทสนมคุ้นเคยกันดี โดยเด็กๆ จะเรียกจ่าโดมว่า "ลุงโดม" หรือ "พ่อโดม" ด้วยซ้ำ
ตำรวจใช้เวลาเพียงข้ามวันก็สามารถตะครุบตัวจ่ามือฆ่าเอาไว้ได้ เจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับบอกว่าที่ทำไปเพราะต้องการหาเงินใช้ เมื่อแม่เด็กทำท่าจะไม่ให้เงิน และแจ้งตำรวจเลยต้องฆ่าตัวประกันให้ตาย ส่วนคนร้ายรายอื่นๆ ก็ค่อยๆ ถูกจับกุมทีละคนจนครบ คนสุดท้ายถูกจับได้เมื่อปี 2553 หรือ 2 ปีนับจากเกิดเหตุ
สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินให้ ส.ต.อ.สุริยา ได้รับโทษประหารชีวิต ในขณะที่คนอื่นๆ อยู่ในระหว่างต่อสู้คดี
อย่างไรก็ตาม ในทุก ๆ วงการย่อมมีทั้งน้ำดีและน้ำเสีย วงการตำรวจบ้านเราก็ยังพอมีเรื่องดีๆ ให้ชื่นชมอยู่บ้าง ท้ายที่สุดนี้ เราก็ได้แต่หวังว่าตำรวจน้ำดีจะมีมากขึ้น และตำรวจน้ำเสียก็จะถูกกำจัดไปโดยเร็ว