จากบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนใต้ สู่เครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงบัญชีส่วยน้ำมันที่ยึดได้จากบ้านพักของเสี่ยโจ้ เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ที่ปัจจุบันหลบหนีไปแล้ว ในบัญชีมีชื่อย่อบุคคล ยศตำแหน่งของตำรวจและเจ้าหน้าที่หลายหน่วย พร้อมจำนวนเงินเป็นหลักร้อยจนถึงหลักล้านบาท ที่ลงรายละเอียดว่าจ่ายไปเพื่อกิจการใด หลังการทลายเครือข่ายอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

สมุดบันทึก 2 เล่มหนากว่า 1,000 หน้า ที่ตำรวจยึดได้จากบ้านพักที่ปัตตานีของ "เสี่ยโจ้" หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนที่เป็นที่รู้จักกันในภาคใต้ เป็นหลักฐานสำคัญในการสืบสวนขยายผลการดำเนินคดีกับเครือข่ายของอดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลางที่พัวพันกับการรับสินบนจากการค้าน้ำมันเถื่อน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า บัญชีการจ่ายส่วยมีรายชื่อข้าราชการหลายหน่วยงานเข้าไปพัวพันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีทั้งชื่อและอักษรย่อของตำแหน่งต่างๆ ทั้งตำแหน่งผู้กำกับ รองผู้กำกับตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ระดับ ผอ.ของกรมศุลกากร มียอดการจ่ายส่วยให้ข้าราชการเหล่านี้สูงสุดถึง 12 ล้านบาท

ลายมือในบัญชีบางหน้าแจกแจงละเอียด เช่น การโอนเงินให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักล้าน การเปิดเมมเบอร์ให้ไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ การเปิดห้องให้ลูกค้าพาไปเที่ยวที่หาดใหญ่ หรือระบุเป็นค่ารายการตำรวจน้ำ 6 ล้านบาท

รายละเอียดของบัญชีส่วยน้ำมันของเสี่ยโจ้จะใช้ประกอบในการดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และพวก ซึ่ง ผบ.ตร. สั่งสำเนาบัญชีออกเป็น 4 ชุด ส่งให้ตำรวจนครบาลนำไปเป็นหลักฐานประกอบสรุปสำนวนคดี และให้ตำรวจกองปราบนำไปสืบสวนเชิงลึก รวมทั้งส่งสำเนาให้ดีเอสไอและกรมศุลกากรตรวจสอบบุคคลในสังกัดที่ปรากฏชื่อว่า เรียกรับสินบนจากธุรกิจของเสี่ยโจ้จริงหรือไม่

รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่มีรายชื่อในบัญชีส่วย และต้องตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่าได้รับสินบนจริงหรือไม่ เพราะหลักฐานที่พบในขณะนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น

ล่าสุด มีคำสั่งด่วนย้ายตำรวจ 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ประกอบด้วย พ.ต.อ.วริศร์สิริภ์ ลีละศิริ ผู้กำกับการ 5 ตำรวจน้ำ พ.ต.อ.ธนชาติ ศุภวุฒิ ผู้กำกับการ 7 ตำรวจน้ำ และ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผู้บังคับการเรือตำรวจน้ำ เนื่องจากสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ และสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง การขยายผลจากบัญชีส่วยครั้งนี้ หากพบว่ามีการจ่ายและรับผลประโยชน์กันจริง ก็จะมีข้าราชการที่จะถูกดำเนินคดีตามมาอีกหลายคน - สำนักข่าวไทย