สิ้นลมแล้ว! นักโทษป่วยธาลัสซีเมีย เรือนจำปัดไม่รู้ว่าป่วย
จากกรณี นายวิวัฒน์ ราชแสง อายุ 45 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่า นายตรีเพชร อายุ 19 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ จ.ตรัง ในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครอง มีโรคประจำตัวคือ โรคธาลัสซีเมีย มาตั้งแต่เด็กๆ ต้องพาไปรักษาด้วยการถ่ายเลือดทุก 3 เดือน แต่หลังจากถูกตัดสินจำคุก กลับได้กินยาเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้รับการถ่ายเลือดเลย
หลังจากที่ตนและครอบครัวไปเยี่ยมพบว่า บุตรชายทรุดหนัก โดยตนได้นำหนังสือที่ออกโดยแพทย์ประจำตัวไปยืนยันกับทางเรือนจำว่า ถึงเวลาที่ลูกชายต้องออกไปรับการถ่ายเลือดโดยด่วน เนื่องจากร่างกายกำลังขาดเลือดอย่างหนัก แต่ทางเรือนจำไม่ยอม แม้ตนเองจะได้พยายามอ้อนวอนหลายครั้ง แต่ทางเรือนจำอ้างเหตุจำเป็นทุกครั้ง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.เวลาประมาณ 09.00 น. ตนไปเยี่ยมลูกชายอีกครั้ง ก็พบว่าลูกชายถูกทางเรือนจำส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ตรัง แล้ว ด้วยอาการช็อกเนื่องจากขาดเลือด ตนและครอบครัวจึงรีบมาดูอาการ ก็พบว่าลูกชายนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู โดยแพทย์และพยาบาลระบุว่าอาการน่าห่วงมาก
ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดตรัง ได้ทำหนังสือลงวันที่ 24 ธ.ค.2557 ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า ในกรณีที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเจ็บป่วย หรือมีโรคประจำตัว และได้แจ้งต่อทางเรือนจำไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะภายในเรือนจำ จ.ตรัง ได้มีสถานพยาบาล และมีพยาบาลวิชาชีพคอยให้การดูแลรักษาผู้ต้องขังป่วยทุกราย
แต่สำหรับกรณีของ นายตรีเพชร ทางเรือนจำไม่เคยทราบข้อมูลการเจ็บป่วย หรือการรักษาพยาบาล ทั้งจากตัวผู้ต้องขัง และญาติของผู้ต้องขังมาก่อนว่า มีโรคประจำตัว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 นายตรีเพชร ได้เข้ารับการตรวจรักษากับทางสถานพยาบาลเรือนจำ และในวันที่ 12 ธันวาคม 2557 ทางงานควบคุมแดน 1 ได้ส่งตัว นายตรีเพชร เข้ารับรักษาอาการที่สถานพยาบาลเรือนจำอีกครั้ง
ล่าสุด มีรายงานว่า เมื่อประมาณ 6.00 น. เช้าวันนี้ (25 ธ.ค.) นายตรีเพชรได้เสียชีวิตลงแล้ว
บิดาของ นายตรีเพชร กล่าวถึงคำแถลงของเรือนจำจ.ตรังว่า เป็นไปไม่ได้ที่เรือนจำจะไม่ทราบประวัติการป่วยบุตรชายของตน เพราะตนได้มีการนำยารักษาโรคไปให้กินเป็นประจำเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการป่วย และทุกครั้งจะมีการตรวจสอบก่อนจากทางเรือนจำ เพื่อจะอนุญาตให้นำยาเข้าไปได้ ซึ่งการกินยาก็ช่วยได้ไม่มากนัก เพราะผู้ป่วยโรคนี้ต้องมีการให้เลือดทุก 3 เดือน แต่ระหว่างที่ถูกจำคุก บุตรชายตนไม่ได้รับการให้เลือดเลย ส่งผลให้อาการทรุดหนัก กระทั่งวันที่ 22 พฤศจิกายน 2557 ตนทนเห็นสภาพที่ป่วยหนักไม่ไหว จึงทำหนังสือเพื่อขอให้ทางเรือนจำส่งตัวบุตรชายออกมารักษาตัว พร้อมแนบเอกสารที่แพทย์ประจำตัวออกให้ไปด้วย แต่เรื่องก็เงียบหาย
ตนคิดว่าระยะเวลา 1 เดือน น่าจะทันและเพียงพอ หากทางเรือนจำ จ.ตรัง เอาใจใส่ และไม่ปล่อยปละละเลย จนทำให้บุตรชายของตนต้องมีอาการโคม่าและเสียชีวิตลง
อย่างไรก็ตาม ตนจะต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องพบกับสภาพเช่นนี้อีก เพราะตนเชื่อว่า ในเรือนจำจังหวัดตรัง ยังมีผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยเหมือนกับบุตรชายของตนและไร้การเหลียวแลอีกจำนวนมาก และตนจะไม่เผาศพลูก จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม และมีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น