ผัวหึงโหดยิงเมีย-น้องเมียดับ ก่อนยิงตัวตายตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 ม.ค.) เมื่อเวลา 03.30 น. สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายภายในร้านตี๋เล็กก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว เลขที่83/157 ถ.พระร่วง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ที่เกิดเหตุพบศพนายศิริชัย แซ่ลิ้ว อายุ 39 ปี สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 แห่ง นางมิ่งกมล แซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แก้มขวา 1 แห่ง แก้มซ้าย 1 แห่ง ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน และนายศักดิ์ชัย แซ่ลิ้ว อายุ 38 ปี น้องชายของนางมิ่งกมล สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับซ้าย 1 แห่ง แก้มขวา 1 แห่ง ทั้งหมดถูกยิงด้วยคมกระสุนปืนขนาด .38 นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยผู้ลงมือก่อเหตุยิง คือ นายศิริชัย แซ่ลิ้ว สามีของนางมิ่งกมล นอกจากนี้ตรวจสอบที่ศพของนายศิริชัยยังพบกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 13 นัด ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าของผู้เสียชีวิตอีกด้วย
จากการสอบสวน น.ส.ใกล้รุ่ง แสนโดด อายุ 49 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า นางมิ่งกมล ผู้เสียชีวิต เป็นเจ้าของร้านตี๋เล็กก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว ก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกับนายศิริชัยเนื่องจากเกิดความหึงหวงฝ่ายชายที่เจอกิ๊กเก่า ระหว่างไปฉลองปีใหม่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่หลังจากมีปากเสียงทะเลาะกัน นายศิริชัยได้เดินทางกลับมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
ต่อมา นางมิ่งกมล ภรรยาของนายศิริชัย ได้เดินกลับมายังที่ร้าน พร้อมกับจ่าทหารอากาศซึ่งเป็นเพื่อน ที่โทรศัพท์ให้ไปรับกลับมาที่ร้านด้วย เมื่อนายศิริชัยเห็นเข้าดังกล่าวจึงเกิดความหึงหวงบ้าง และพูดต่อว่าเพื่อนจ่าทหารอากาศด้วยว่า "ขับรถตนเองดีไหม ทำไมไม่ขับตลอดไป"
หลังจากนั้น จ่าทหารอากาศ เห็นท่าไม่ดี จึงตอบไปว่า "ตนไม่รู้เรื่องอะไร ขอไปเข้าเวรก่อน" ระหว่างนั้นนายศิริชัยได้ชักอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ .38 ซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวออกมาจะยิงทหารคนดังกล่าว ทำให้นางมิ่งกมลได้ต่อว่านายศิริชัย ว่าเขามาส่งก็ดีแล้ว ทำไมไปทำกับเขาอย่างนั้น
นายศิริชัยเกิดความโมโหจึงหันปากกระบอกปืนยิงใส่นางมิ่งกมล 2 นัด เสียชีวิตคาที่ จากนั้นนายศักดิ์ชัย น้องเมีย พยายามเข้ามาห้ามปราม แต่ก็กลับถูกนายศิริชัยยิงใส่จนเสียชีวิตอีกหลังจากนั้นนายศิริชัยได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ยิงเข้าที่ขมับตนเองจนเสียชีวิตอีกศพ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวช รพ.พุทธชินราช ก่อนจะมอบศพให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป