ศาลออกหมายจับอีก 2 โอ๊ต ภาดา-ธวัชชัย เอี่ยวยักยอก สจล.

ศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับ นายภาดา บัวขาว และ นายธวัชชัย ลิ้มเจริญ ผู้ต้องหา ร่วมยักยอกเงิน 1,600 ล้านบาท จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. แล้ว หลังจาก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ทางด้าน พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. นายภาดา บัวขาว หรือ "โอ๊ต ปราด้า" เป็นคนสนิทของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า นายภาดา นั้น มีพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดกับ นายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีที่ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ต่างประเทศ โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกัน

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายภาดา มีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราใช้รถยนต์หรูซูเปอร์คาร์ ใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งจะต้องตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้ต่อไป และขณะนี้อยู่ระหว่างส่งฝ่ายสืบสวน เร่งติดตามตัวมาทำการสอบสวน

ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายภาดา บัวขาว ได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้สื่อข่าวหลายสำนัก ชี้แจงยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณียักยอกทรัพย์ตามที่เป็นข่าว แต่อาจจะถูกโยงใยเพราะเคยมีความสัมพันธ์กับ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนี ตลอด 7 เดือนที่คบหากัน ตั้งแต่ต้นปี 2557 ไม่ทราบว่า นายกิตติศักดิ์ ยักยอกเงินแต่เห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรูหราขึ้นท่ามกลางแวดวงคนดัง เมื่อสอบถามถึงที่มาที่ไปของเงิน ก็ตอบเพียงว่าได้มาจากทำธุรกิจ ตนไม่เคยได้รับโอนเงิน ทรัพย์สิน หรือเปิดบริษัทร่วมกัน ทรัพย์สินที่มีทุกวันนี้ได้มาจากการประกอบธุรกิจเสริมสวย และการเป็นนายหน้าขายที่ดินตลอด 7 ปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้นายกิตติศักดิ์ เคยมารบเร้าให้ร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทออแกไนซ์ หานางแบบนายแบบมาออกงาน แต่ตนไม่สนใจ ตนเจอนายกิตติศักดิ์ครั้งสุดท้ายตอนไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรีเมื่อปีก่อน ไม่ทราบว่านายกิตติศักดิ์อยู่ที่ไหน และตนพร้อมเข้าพบตำรวจ แต่ยังไม่มีการติดต่อมา ยืนยันว่าไม่ได้หนี ยังใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตามปกติ

ส่วนกรณีบอย ปกรณ์ ตนยอมรับว่าเป็นคนกลางในการติดต่อซื้อขายรถหรูจากนายกิตติศักดิ์ โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่นตอบแทน แต่หลังจากขายได้ นายกิตติศักดิ์ ก็ไม่ได้ให้เงินตามสัญญา