โรฮิงญา ค้ามนุษย์ข้ามชาติ
งานเข้า ไปเต็ม ๆ สำหรับกองทัพเรือไทย เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศอย่างบีบีซี ออกมาแฉทั้งภาพและข่าวกล่าวหาทหารเรือไทยทำทารุณกรรมกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮิงญา ทั้งทำร้ายร่างกาย จับมือมัดไพล่หลังแล้วจงใจปล่อยให้ไปตายกลางทะเลนานถึง 15 วัน
การเปิดประเด็นแรงๆเช่นนี้ทำให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งใน และต่างประเทศกดดันรัฐบาลอย่างหนักให้สอบสวนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำทารุณกรรมต่อผู้อพยพโดยไร้มนุษยธรรม ทั้งยังรุมประณามทหารไทยอย่างรุนแรง ทั้งที่เป็นเพียงการกล่าวหาฝ่ายเดียวเท่านั้น
กระนั้นแม้จะเป็นการกล่าวหาฝ่ายเดียว และออกจะไม่เป็นธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ไทยสักเท่าใด แต่รัฐบาลก็มิได้เพิกเฉยต่อแรงกดดันขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดย อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นการด่วน
คีย์แมนระดับสูงในรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมากันครบทั้ง นายสุเทพเทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนายกษิตภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.ท.สุรพลเผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
นายอดุลย์ กอวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.อ.รัชกฤต กาญจนรัตน์ เสนาธิการทหาร พล.ท.ดาว์พงษ์รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ พล.ร.ท.ยุทธนาฟักผลงาม รองเสนาธิการทหารเรือ พล.อ.ท.ศรีเชาวน์จันทร์เรือง ผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศฝ่ายยุทธการ
ที่ประชุมสมช. กำหนดแผนการดูแลความมั่นคงบริเวณตามแนวชายแดนไทย-พม่าโดยเฉพาะบริเวณน่านน้ำที่มีปัญหาจะให้ทาง พล.ร.ท.ณรงค์เทศวิศาล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นผู้กำกับดูแล
ขณะที่พื้นที่ทางบกจะให้ พ.อ.มนัส คงแป้น ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนแยกเป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนปัญหาที่สมช. เป็นห่วงมากที่สุดไม่ใช่การเข้าไปพัวพันกับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่เป็นประเด็นขบวนการ "ค้ามนุษย์" เนื่องจากมีการพบเบอร์โทรศัพท์ซุกซ่อนอยู่ในตัวของผู้อพยพโรฮิงญาที่จับกุมได้แทบทุกคน
สำหรับขบวนการค้ามนุษย์จะแบ่งเป็น2 กลุ่ม
กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ติดต่อผู้อพยพให้เดินทางเข้ามาอย่างเป็นระบบตั้งแต่ตำบลตันทางที่รัฐอาระกัน จนมาถึงชายฝั่งด้าน จ.ระนอง
กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เมื่อผู้หลบหนีเข้าเมืองถูกผลักดันออกไปก็จะให้การช่วยเหลือและนำกลับเข้ามาใหม่
ส่วนอีกกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ยังเจาะเข้าไปไม่ถึงคือ กลุ่มที่นำพาคนเหล่านี้ขึ้นฝั่งในประเทศไทยแล้วพาผู้อพยพไปส่งยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นที่สงสัยอย่างมากว่า หลบหนีการจับกุมได้อย่างไร ทั้งที่ระยะทางไกลมาก และผู้อพยพก็ไม่ได้มีหน้าตากลมกลืนกับคนไทยทั่วไปเลย
สาเหตุที่ทำให้ผู้อพยพโรฮิงญากลับเข้ามาใหม่เรื่อยๆคือ การผลักดันกลับทำได้ยาก เพราะทางการพม่าไม่ยอมรับสถานะ และการผลักดันกลับที่ อ.แม่สอดจ.ตากก็สร้างปัญหาให้ผู้อพยพ เพราะไม่มีสถานภาพเป็นพลเมืองพม่า และพูดภาษาพม่าไม่ได้
นอกจากนี้การเดินทางจากจังหวัดเมียวดีไปรัฐอาระกันก็ทำได้ยากลำบาก เพราะระยะทางไกลมากเป็นพันๆ กิโลเมตร ทั้งยังมีปัญหาการผลักดันกลับของเจ้าหน้าที่พม่า และมีนายหน้าเข้ามาชักพาให้กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย
ทั้งนี้กลุ่มโรฮิงญาที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากเมือง COXBAZA ประเทศบังคลาเทศและ จ. MAUNGDAW รัฐยะไข่ประเทศพม่า
โดยจะเสียค่านายหน้าคนละ50,000-300,000 จ๊าดเดินทางมาทางเรือที่นายหน้าจัดหาให้ ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำและจะไม่มีการเปลี่ยนเรือระหว่างการเดินทาง มีเพียงแวะเติมเชื้อเพลิง และขอเสบียงอาหารจากเรือประมงในบริเวณน่านน้ำต่าง ๆ เท่านั้น
หากสามารถพาข้ามไปประเทศมาเลเซียได้สำเร็จนายหน้าจะได้ค่าหัว 80,000 บาทต่อรายสำหรับผู้อพยพที่เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่ถ้าเป็นชายสูงอายุจะได้ค่าหัวลดเหลือเพียง 20,000 บาทต่อรายเท่านั้น
ทั้งนี้ที่ประชุม สมช. ได้มอบหมายให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยก ปรับแผนในการปฏิบัติเสียใหม่ โดยกำหนดไว้ 3 ขั้นตอนคือ
1.ขั้นแจ้งเตือนและสกัดกั้นตามแนวสกัดกั้น เช่น เกาะพะยาม เกาะช้าง เกาะสินไห เกาะดาครุฑ โดยใช้เครือข่ายวิทยุประมงน้ำลึกในการแจ้งเตือนกับศูนย์วิทยุประจำเกาะต่างๆ ใน จ.ระนอง
2.ขั้นการจับกุมควบคุมตัว และซักถาม จะกำหนดพื้นที่ควบคุมตัวบริเวณเกาะตาวัวดำ ML 4376 และเกาะค้างคาวML 3257 โดยจะใช้กำลังชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่25 (ฉก.ร.25) และกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยกพร้อมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ร่วมปฏิบัติการ
3.ขั้นการผลักดันซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญทูตจากประเทศพม่า บังคลาเทศ อินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพื่อสอบถามแนวการปฏิบัติของแต่ละประเทศเพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติต่อไป
นี่คือมาตรการในการรับมือของรัฐบาลไทยซึ่งนายกรัฐมนตรี เลือกที่จะตั้งรับด้วยการพร้อมชี้แจงข้อกล่าวหาทุกข้อ และพร้อมให้องค์กรต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบการปฏิบัติด้วยทุกขั้นตอน
เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่น่าเอาใจช่วยท่ามกลางข่าวสะพัดว่ามี "ไอ้โม่ง" คอยเคลื่อนไหวให้ร้ายประเทศไทย!
เรื่องโดย : ทีมข่าวความมั่นคง