จวกยับ! คนทรงเป็น “เสด็จเตี่ย” แต่งชุดนายพลเต็มยศ

โลกออนไลน์วิจารณ์ยับ ภาพคนเข้าทรงเป็นพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย แต่งกายเครื่องแบบทหารยศนายพล วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ผิด พ.ร.บ.เครื่องแบบทหาร แอบอ้างสถาบันฯ

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ หลังจากที่เพจ "FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย" ได้มีการเผยแพร่ภาพการจัดงานคนทรงเจ้า ซึ่งตีพิมพ์ลงนิตยสารฉบับหนึ่ง เผยให้เห็นการเข้าทรงเป็นพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย และมีการแต่งเครื่องแบบทหารยศนายพลเต็มยศ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์ที่มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

โดยทางเพจยังได้ระบุขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบการกระทำในภาพดังกล่าวด้วยว่า ผิดต่อข้อกฎหมายใดหรือไม่ ในการแต่งเครื่องแบบข้าราชการ และอ้างสถาบันเบื้องสูง ขณะที่ชาวเน็ตซึ่งได้ชมภาพดังกล่าวบ้างก็ออกมาต่อว่าผู้จัดงานและคนทรงว่าทำอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง รวมทั้งยังมีบางรายที่เตือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครล่วงเกินเสด็จเตี่ยเช่นนี้มาก่อน ขอให้ระวังจะโดนดี

นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่เข้ามาชี้แจงว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลอกลวงประชาชน แอบอ้างสถาบัน ซ้ำยังผิด พ.ร.บ.เครื่องแบบทหารอีกด้วย จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับ พ.ร.บ.เครื่องแบบทหาร พ.ศ. 2477 มาตรา 6 ระบุไว้ว่า ผู้ใดแต่งเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัตินี้ หรือแต่งเครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ โดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี

และถ้าการกระทำเช่นว่ามานี้ ได้กระทำภายในเขตซึ่งประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ดี ในเวลาสงครามก็ดี ในเวลาบ้านเมืองมีเหตุฉุกเฉินก็ดี หรือเพื่อกระทำผิดทางอาญาก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี

นอกจากความผิดฐานจงใจแต่งเครื่องแบบทหารโดยพลการแล้ว ใน พ.ร.บ.ดังกล่าวยังระบุไว้ในมาตรา 6 ทวิ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2485 ด้วยว่า ผู้ใดแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารตามพระราชบัญญัตินี้ หรือคล้ายเครื่องแบบทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ อันอาจนำความดูหมิ่นเกลียดชัง หรือความเสื่อมเสียมาสู่ราชการทหารก็ดี อันอาจทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นทหารก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท

และถ้าการกระทำเช่นว่านี้ ได้กระทำภายในเขตซึ่งได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ดี ในเวลาสงครามก็ดี ในเวลาบ้านเมืองมีเหตุฉุกเฉินก็ดี หรือเพื่อกระทำความผิดทางอาญาก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี