วันชี้ชะตา ถอดถอนนักการเมือง กับดัชนีคอร์รัปชั่น
วันนี้ต้องบอกว่าคอการเมือง พลาดไม่ได้ กับการติดตามผลการลงมติเพื่อถอดถอนอดีตนักการเมือง ทั้งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนฯ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แม้ว่ากระบวนการลงมติเพื่อถอดถอนของ สนช.ครั้งนี้จะเป็นการลงมติลับ ทำให้บรรยากาศการลุ้นตามติดตามขาดรสชาติไปหน่อย แต่อีกด้านหนึ่งต้องบอกว่า ใจระทึก.....โดยเฉพาะผู้ถูกกล่าวหา....และกองเชียร์
สำหรับผลของการลงมติถอดถอน หาก การลงคะแนนไม่ถึง 3 ใน 5 ของสมาชิก 220 คน หรือต้องได้ 132 ก็เป็นอันว่า ผู้ถูกกล่าวหารอดตัวไป ย้ำว่า ต้องได้คะแนนถอดถอน 132 เสียงเป็นอย่างต่ำ จึงจะมีผลให้การถอดถอนมีผล การลงคะแนนแม้ว่าการถอดถอนมีเสียงมากกว่าไม่ถอดถอน แต่ถ้าไม่ถึง 132 เสียงก็ไม่มีผลให้การถอดถอนมีผลตามกฎหมาย เป็นอันว่า ผู้ถูกกล่าวหารอดไปเช่นกัน
ส่วนผลของการถอดถอนนั้น แน่นอนว่าขณะนี้ทั้ง 3 คนไม่ได้นั่งตำแหน่งการเมือง แต่ผลของการถอดถอนจะมีผลไปในอนาคตในเรื่องของการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี นั้นหมายความว่าอีก 5 ปีข้างหน้าทั้ง3 คนไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้
และต้องยอมรับว่า การถอดถอนยังมีผล แม้ไม่ใช่โดยตรงต่อคดีอาญาอื่นๆ แต่จะถูกนำไปอ้างความชอบธรรมในการดำเนินคดีได้
การถอดถอนยังมีผลต่อ บรรทัดฐาน ในอนาคต ในการเรื่องของการดำเนินการกับนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อผลของการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ทำให้การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองในอนาคตต้องมีความรอบครอบ รับผิดชอบต่อผลที่จะตามมาด้วย
การถอดถอนจะมีผลต่อ การปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะการปราบปรามคอร์รัปชั่น ว่าจะมีความก้าวหน้าได้มากน้อยเพียงใด เพราะที่ผ่านมา การทุจริตเชิงนโยบาย หรือการทำนโยบายเพื่อเปิดโอกาส เปิดช่องทางให้กลุ่มตัวเองและพวกพ้อง เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไม่สามารถหาหลักฐาน และดำเนินการลงโทษใดๆได้เลย
และในทางการเมือง ทำให้นักการเมืองมิได้มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ต่อบรรทัดฐานทางการเมือง และทางสังคม ขอเพียงให้กระทำการเพื่อให้ได้เสียงข้างมากเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็สามารถกุมอำนาจออกนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์อันเป็นวงจรของบ่วงทุจริตคอร์รัปชั่น ที่แสนชั่วร้ายกัดกินสังคมไทยมานาน
ซึ่งเมื่อวานนี้เอง หอการค้าไทยได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนี สถานการณ์คอรัปชั่นไทย (CSI) ในเดือนธันวาคม 2557 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,400 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยดีขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปีเลยทีเดียว
โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ย้ำว่า "จากดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ในเดือนธันวาคม 2557 ปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี จะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะทุก 1% ของการลดเรียกรับสินบน จะส่งผลให้การคอร์รัปชั่นลดลง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากปัจจุบันพบว่า การจ่ายเงินพิเศษให้กับข้าราชการและนักการเมืองเหลือร้อยละ 5-15 จากในช่วงปี 2553-2556 เฉลี่ยการจ่ายเงินยังอยู่ที่ร้อยละ 25-35 ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ลดลงเป็นอย่างมาก"
วันนี้จะเป็นวันหนึ่งที่สังคมคาดหวัง กองเชียร์รอคอย สิ่งเหล่านี้ จะเดินหน้าหรือหยุดนิ่ง หรือจะเป็นอย่างไรในอนาคต จับตาดูกันในวันนี้......................
โดย...เปลวไฟน้อย