ยังมั่นใจ! เอ วิทิต เชื่อคดีลวงสาวสุดท้ายความจริงต้องปรากฏ

หลายคนยังคงติดตามคดีของนักแสดงหนุ่ม "เอ วิทิต" ที่ถูกนักศึกษาหญิงจำนวน 5 คน เข้าแจ้งจับ เนื่องจากถูกลวงไปเทสต์หน้ากล้อง ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนพยายามกระทำอนาจาร แต่นักศึกษาสามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้ ซึ่งพัก หลังๆมานี้ดูเหมือนกระแสข่าวจะเงียบหายไป จนล่าสุดมีโอกาสได้เจอหนุ่มเออีกครั้งในงานรอบสื่อมวลชนภาพยนตร์เศียรสยอง เจ้าตัวจึงมีโอกาสออกมาอัพเดตให้ฟัง โดยได้เผยว่าตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรมาก เหตุเพราะกลัวจะเสียรูปคดี เลยยกให้ทนายเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง และหากมีความคืบหน้าที่สามารถเปิดเผยได้จะรีบนำมาชี้แจงทันที ส่วนเรื่องกำลังใจตอนนี้มีเต็มร้อย ทั้งยังยืนยันว่าสุดท้ายความจริงต้องปรากฏ

พูดถึงปัญหาส่วนตัวที่เคยเกิดขึ้น?
"ปัญหาส่วนตัวของผม ก็เท่าที่ทราบๆกันอยู่ว่าก็เงียบกันไปแล้ว แต่ถ้าว่ากันในเรื่องของคดีความ ถ้าอยู่ในขั้นตอนของสื่อ ถ้าเราไปออกข่าวอาจจะทำให้เสียรูปคดีหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าถามโดยรวมก็เท่าที่รู้ตามกระแสคงจะไม่อะไรมากมาย"

ขั้นตอน ตอนนี้ถึงไหนแล้ว?
"ตอนนี้ให้ทางทนายจัดการครับ เพราะบางทีเราไปคุยเองเดี๋ยวก็จะหาว่าใช้อิทธิพลหรือไปใช้อะไร ซึ่งเราให้เป็นไปตามกระบวนการดีกว่า มันจะชัดเจนกว่าครับ ซึ่งจริงๆแล้วตอนนี้พี่ก็สบายใจแล้วนะ อย่างงานหรือการถ่ายผลกระทบก็ไม่มีอะไรครับ"

คดีตอนนี้ถึงขั้นไหน?
"มันยังไม่ได้สั่งฟ้องหรืออะไรครับ อยู่ในขั้นตอนที่ว่าจะเป็นคดีได้ไหม หรือจะยังไง ตอนนี้ลงแค่บันทึกประจำวันครับ แต่เท่าที่ทราบทั้งหมดคือได้บอกไปแล้วว่าความคืบหน้าเป็นอย่างไร แต่ถ้าได้ความคืบหน้ามากกว่านี้เดี๋ยวจะรีบมาบอกครับ ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นตามกระบวนการก่อน"

พอเกิดเหตุการณ์ มีปัญหากับคนรอบข้างบ้างไหม?
"ไม่มีครับๆ อย่างครอบครัว ภรรยาผมก็ช่วยเต็มที่ เขาก็บอกให้เราพูดตามจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความจริงก็คือความจริงครับ"

พอทราบบ้างไหมว่าขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว?
"ตอนนี้ไม่ทราบเลยครับ แต่ถ้าเกิดมีความคืบหน้าอย่างที่บอกครับ เดี๋ยวจะส่งข่าวให้เป็นระยะๆ"

ต้องนัดพูดคุย หรือมีไกล่เกลี่ยกันอีกรอบไหม?
"บางทีถ้าเราอาจจะขึ้นไปถึงชั้นศาล มันจะมีการไกล่เกลี่ยกันอยู่แล้ว ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่กับทางนั้นด้วยว่าจะเอาอย่างไร ออกมาในรูปแบบไหน"

หลายคนก็ยังคอยติดตามข่าวอยู่?
"ทางทนายเขาก็จะส่งข่าวตลอดแหละครับ ว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว จริงๆถ้าเกิดว่ากันตามคดีก็ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆนะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร"

พอข่าวออกมา ส่งผลให้งานเราลดลงไหม?
"เอ๊ะ! รู้สึกว่าจะเพิ่มขึ้นนะ (หัวเราะ) ครับก็โอเค เดี๋ยวก็จะมีโปรเจ็คใหม่ๆให้ติดตามออกมาเรื่อยๆ พี่ว่ามันต้องแยกแยะให้ออกนะ บางทีอันนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องหนังก็คือเรื่องหนัง เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัวนะครับ มันก็อยู่ในกระบวนการของมันอยู่แล้ว ใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามจริงครับ"

ข่าวส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า?
"ไม่ พี่ก็ใช้ชีวิตปกติเลย ไม่มีอะไร ถ้าใครรู้จักก็รู้ว่าพี่จะใช้ชีวิตปกติเลย ส่วนหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้สะดุด ในส่วนตัวผมเองนะ ทำให้คนรู้จักหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพิ่มนิดหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าเป็นการโปรโมทไหม ไม่ใช่นะ เพราะการโปรโมทแบบนี้ไม่ดีนะ ถ้าเกิดมีเรื่องมีราวอะไรขึ้นมา เอาเรื่องดีๆมาโปรโมทดีกว่า"

เราเชื่อมั่นไหมว่าเรื่องจะจบลงแค่นี้?
"ไม่คือมันจะจบแค่นี้หรือไม่แค่นี้ พี่ไม่สามารถมาคาดเดาได้ครับ พี่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมดีที่สุด ถ้าเกิดพี่มาคาดคะเนอะไรเองมันก็ไม่ดี อาจจะเป็นผลเสียกับฝ่ายตรงข้ามด้วย แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ฝากไว้กับทางกระบวนการยุติธรรมให้ดำเนินเรื่องต่อไป"

เรามั่นใจแค่ไหน?
"ของพี่ พี่มั่นใจตั้งแต่แรก ถ้าใครได้ติดตามพี่ตั้งแต่แรกเลยนะที่แถลงข่าวครั้งแรก พี่ก็พูดแบบนี้ตลอด ว่ามันคืออะไร รู้สึกอย่างไร มันก็ต้องรู้สึกบ้างแหละที่มาเจอเรื่องราวแบบนี้ มันก็ไม่ดีครับ อยู่ที่กำลังใจคนรอบข้าง ที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว ครอบครัวสำคัญมากครับ"