อย่าทำลายตัวเอง..ด้วย ม.44

อย่าทำลายตัวเอง..ด้วย ม.44

อย่าทำลายตัวเอง..ด้วย ม.44
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระแสข่าวเรื่องที่มีที่ปรึกษา คสช. เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้ ม.44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว แทนกฎอัยการศึก เพื่อลดแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศนั้น ...ที่มาไม่แน่ชัดว่าเป็นใครที่อยากเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจดังกล่าว

แต่ในที่นี้ อยากบอกว่า...หากมีการเสนอจริง..เท่ากับเป็นการสร้างสถานการณ์ให้ถอยหลังเข้าไปอีก...จะเป็นการปิ้งปลาประชดแมว เป็นการทำที่เข้าทางฝ่ายตรงข้ามมากกว่า...

เพราะหากดูจาก ม.44 ของธรรมนูญชั่วคราวที่บัญญัติว่า
"ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใดๆ ได้
ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง
หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว"

จะเห็นได้ว่า โดยเนื้อหาของ ม.44 แล้ว เป็นการยกอำนาจให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจเหนือนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ เป็นการให้อำนาจที่สุดขั้วเกินไป...

ทั้งนี้โดยเจตนาของ ม.44 น่าจะมีไว้ใช้ในกรณีจำเป็นจริงๆ เป็นสถานการณ์ที่ยากกับการควบคุม เป็นสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความโกลาหล จึงจะนำมาตรานี้ออกมาใช้

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ยังคงมีการประกาศกฎอัยการศึก แม้ผู้นำสหรัฐฯ จะหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นกล่าวหา แต่โดยข้อเท็จจริง ถือว่า สถานการณ์การใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ไม่ได้เข้มข้นจนกระทบกับวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนมากนัก เพียงแต่กระทบกับการแสดงออกทางการเมืองในลักษณะ ก่อให้เกิดยุยงปั่นป่วนทางการเมืองเท่านั้นที่เดือดร้อน

ทุกวันนี้ก็ยังเห็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองจากหลายฝ่าย จะขาดก็เพียงการชุมนุมประท้วงทางการเมืองเท่านั้นที่ไม่มี โดยทางฝ่ายความมั่นคงไม่ยอมให้เกิดขึ้น

กระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ที่ส่อยุยง ก็เพียงถูกเรียกตัวไปพูดคุย ทำความเข้าใจแล้วก็ปล่อยตัวกลับมา ไม่ถึงขั้นใช้อำนาจสั่งคุมขัง ห้ามวิพากษ์วิจารณ์โดยเด็ดขาด

จะว่าไป...การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ดูเหมือนจะมีมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย เสียอีก..ซึ่งทั้งสองประเทศมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง..แต่ในด้านกฎหมายความมั่นคง....ดูเหมือนจะมีความเข้มข้น..จนยากที่คนเห็นต่างจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้

แม้กระทั่งการรายงานของสื่อต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ยังทำได้ยากกว่า ในประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกเสียอีก

คำถามก็คือ ...ทำไม่สหรัฐฯหรือประเทศตะวันตก..ไม่ไปกดดันประเทศเหล่านั้น....? ดังนั้น ที่ปรึกษา คสช. และประธาน คสช. ก็ไม่น่าจะหวั่นไหวกับ การยกประเด็นเรื่องกฎอัยการศึกมากดดัน..

แต่หากมีการใช้ ม.44 จริง สถานการณ์จะมีความกดดันมากกว่า จะยิ่งถูกกระพือ โหมจากฝ่ายต่อต้านทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าไปอีก... ทั้งๆ ที่สถานการณ์จริงในประเทศ คสช.กุมสภาพได้ค่อนข้างดี... การชงเรื่อง ม.44 สถานการณ์จะแปรเปลี่ยนได้ง่าย เป็นการทำลายความชอบธรรมของตัว คสช. ตัวรัฐบาลด้วยตัวเอง ....อย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook