ยุ้ย ปัทมวรรณ หวนรับงานบันเทิง สงสารพ่อโหมงานรักษาแม่
สาว"ยุ้ย ปัทมวรรณ" หวนรับงานบันเทิง โอดสงสาร "พ่อรอง" โหมงานหนักหาเงินรักษาแม่ หวังมีปาฏิหาริย์ให้หายป่วย
เกือบจะลืมหน้าลืมตาไปแล้วสำหรับทายาทนักแสดงที่ห่างหายจากหน้าจอไปนาน สำหรับคุณแม่ลูกหนึ่ง "ยุ้ย ปัทมวรรณ" ลูกสาวของ 2 นักแสดงมากฝีมือของวงการ "พ่อรองและแม่ทุม เค้ามูลคดี" ล่าสุด เจ้าตัวได้มาปรากฏตัวพร้อมให้สัมภาษณ์สุดพิเศษในรายการ แฉแต่เช้า ประเดิมออกอากาศเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก โดยมาเคลียร์ทุกกรณีถึงเรื่องราวข่าวคราวในช่วงที่เธอหายไป
หายหน้าหายตาไปพอสมควรเลย?
"ใช่ค่ะ ตั้งแต่มีลูกคือหายจริงๆ ตอนนี้ลูกโตจะ 5 ขวบแล้ว ก็เริ่มสบายขึ้น ไปไหนมาไหนได้มากขึ้น น้องมีพี่เลี้ยงแต่ว่าเราประกบตลอดเวลา เพราะว่าไม่เคยห่างลูกเลยจริงๆ ค่ะ"
ลูกติดคุณแม่หรือคุณพ่อมากกว่ากัน?
"เมื่อก่อนติดคุณแม่แต่เดี๋ยวนี้ติดคุณพ่อค่ะ คือน้องเริ่มโตเขาจะเรียนรู้แล้วว่าใครตามใจเขา คุณแม่นี่จะสายดุ คุณพ่อก็จะสายตามใจ"
คุณพ่อหายหน้าหายตาไปไหน?
"คือคุณพ่อจะมีรายการอยู่ มีละครเห็นกำลังคุยๆ อยู่ค่ะ"
ถ้าลูกโตเราจะกลับเข้ามาทำงานในวงการเต็มที่เลยมั้ย?
"เต็มที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายอย่างนะคะ โอกาสที่ได้รับหรือผู้จัดเสนอด้วย แต่อีกอันก็คือเวลา เพราะอย่างที่บอกการมีลูกเหมือนเราเป็นแม่เต็มเวลาจริงๆ คือ บางบ้านอาจจะมีคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย คุณพ่อยุ้ยเองทำงานหนักมาก คุณแม่ก็ไม่สบาย ที่บ้านจะไม่มีใคร มีแค่โด่ง ยุ้ย โด่งก็ทำงาน ก็จะเหลือหน้าที่หลักของยุ้ยคือรับส่งลูก ดูแลลูกค่ะ"
ช่วงที่หายไปมีทำธุรกิจมั้ย?
"ทำค่ะ ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ค่ะ (ทำคู่กับพี่โด่งด้วยมั้ย?) ทำด้วยกันค่ะ คือโด่งเขาจะช่วยดูแลด้วย"
ค่าใช้จ่ายรักษาคุณแม่ที่บ้านเรามีปัญหามั้ย?
"ตอนนี้ไม่มีค่ะ ที่ผ่านมามันอาจจะหนัก แต่เราก็ผ่านมาได้ ตอนนี้ไม่เท่าไหร่แล้วค่ะ"
มีผู้ใหญ่ในวงการช่วยเหลือมั้ย?
"ก็มีมูลนิธิอาวุโส มีหลายท่านมากๆ ค่ะ ติดต่อทางคุณพ่อมา"
ช่วงนี้คุณพ่อทำงานหนักมากมั้ย?
"มากค่ะ ช่วงนี้คุณพ่อคิวแน่นมาก หนักจนบางทีสงสารเพราะว่าคุณพ่อนอนน้อยมาก แต่พ่อก็สู้และไม่เคยบ่นเลย"
มีปรามคุณพ่อบ้างมั้ยเพราะมีแฟนละครหลายคนก็เป็นห่วงคุณพ่อทำงานหนักมาก
"เอาจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีภาระอะไรก็ตาม คุณพ่อเขาหยุดทำงานไม่ได้หรอก คุณพ่อทำงานมานานมากแล้ว แล้วคุณพ่อก็รักที่จะทำงานต่อไปตราบใดที่ยังไหว แต่ว่าเราก็จะเป็นห่วงเรื่องการขับรถ บางทีมีคนไปช่วยขับรถเราก็จะสบายใจ"
ตอนนี้คือยืนยันแล้วว่า ทั้งยุ้ยและโด่งไม่ทิ้งวงการแน่นอน?
"คือหายไปนานมากตั้งแต่มีลูก ถ้าเรื่องละครมีตอนนี้เพิ่งได้คุย อาจจะกลับมาเล่น แต่กลับมามากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายอย่างอย่างที่บอกไป"
อย่างนี้เราจะจัดสรรเวลาอย่างไร?
"ต้องเอาลูกเป็นหลักจริงๆ ค่ะ เพราะว่าทุกวันนี้ลูกน่าห่วงมาก เนื่องจากสังคมทุกวันนี้มันไม่ปลอดภัย เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งลูกออกไปนอกบ้านคลาดสายตาเราไป ลูกจะหายไปรึเปล่า เป็นคนที่วิตกจริตเรื่องลูกมากจริงๆ คือจะไม่ปล่อยลูกให้อยู่กับคนอื่นที่ไม่ไว้ใจเลย แม้กระทั่งพี่เลี้ยงก็จะไม่ปล่อยอยู่สองคนเลย เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักคงต้องเป็นลูก แต่ถ้ามีงานมาจัดสรรกันลงตัว ว่ายุ้ยมีงานวันนี้ โด่งดูแลลูกวันนี้ คือถ้าไม่มีงานตรงกัน โอเค สบาย"
มีแพลนลูกคนที่สองต่อเลยมั้ย?
"จริงๆ แล้วยังนะคะ (พี่โด่งว่าไง?) คือ ไม่ได้ฟิกมากมาย จริงๆ ลึกๆ อยากจะมีผู้ชายเหมือนกัน แต่ไม่ได้ซีเรียส น้องพริมโต 5 ขวบ ยุ้ยก็รู้สึกว่านี่แหละคือเวลาที่ยุ้ยรอคอย คือตอนเล็กๆ ยุ้ยไปไหนไม่ได้จริงๆ เวลาพาเขาไปไหนก็ค่อนข้างลำบาก แต่ว่าตอนนี้เขาไปไหนมาไหนกับเราได้แล้ว สบายแล้ว เลยรู้สึกว่าถ้ามีอีกคนเวลาอาจจะลำบากขึ้น เพราะต้องดูแลน้องพริมด้วย"
น้องพริมเข้าโรงเรียนรึยัง?
"เข้าแล้วค่ะ (งอแงมั้ย?) ถ้าความรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนไม่มี แต่ถ้าไม่อยากตื่นอ่ะมี แต่น้องพริมชอบไปโรงเรียน ติดเพื่อน แต่ไม่ค่อยยอมตื่น ขี้เซามาก"
เพื่อนๆ วัยเดียวกับยุ้ยเป็นผู้จัดกันแล้ว เราสนใจมั้ย?
"ก็สนใจนะคะ ไม่แน่ถ้ามีโอกาสก็จะลองทำดูค่ะ"
อาการคุณแม่เป็นไงบ้าง?
"ตอนนี้ถือว่าอาการยังทรงตัว แต่เรื่องการตอบสนองอาจจะไม่ได้แล้ว มากสุดคือลืมตา พูดคุยไม่ได้แล้ว ซึ่งยุ้ยขอแค่ไม่ติดเชื้อยุ้ยก็ไม่เครียดมากแล้ว คืออาการของโรคบางทีเราเข้าใจได้จากคุณหมอบอกว่าจะเป็นยังไง แต่ช่วงไหนที่คุณแม่ติดเชื้อก็จะเครียดทั้งบ้าน เพราะถ้าเข้ากระแสเลือดคือมันอันตราย ทุกวันนี้คือให้คุณแม่ไม่ติดเชื้อคือสบายใจที่สุด ซึ่งเราก็ยังได้อยู่ ได้เจอ ได้จับมือกับคุณแม่ทุกวัน ได้เห็นหน้าแม่ก็ยังโอเคค่ะ" (ข้อมูลจาก innnews)
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ