อย่าบิดประเด็น ความเสียหายจำนำข้าวเป็นเรื่องการเมือง
วันนี้กระแสการเมืองมีประเด็นที่น่าติดตามก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมารายงานตัวกับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าว ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่...
แต่ดูจากการเปิดประเด็นของทนายความ ที่ยกข้อกฎหมายมาอ้างแล้ว เชื่อได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่น่าจะมารายงานตัว เพราะไม่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย การไปปรากฏตัวนั้นจะต้องถึงขั้นตอนที่ศาลฯ รับฟ้องแล้ว มีการนัดพิจารณาคดีนัดแรกถึงจะไปปรากฏตัวต่อศาล
อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวเป็นของคดีอาญา ซึ่งก็ว่าไปตามกระบวนการต่อไป แต่ที่น่าติดตามและเป็นประเด็นที่เพิ่มดีกรีความร้อนแรงเข้ามาก็คือ การที่ ป.ป.ช.มีมติส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังเรียกค่าเสียหาย จากท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ กรณีโครงการรับจำนำข้าวตามมูลค่าความเสียหาย ตามที่คณะกรรมการปิดบัญชีได้สรุปความเสียหายถึง 600,000 ล้านบาท
โดยล่าสุด นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่าพร้อมจะดำเนินการตามที่ ป.ป.ช.ส่งหนังสือมายังกระทรวงการคลัง
ทันทีที่ปรากฏเรื่องดังกล่าวขึ้น เหล่าแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวทันที โดยมุ่งประเด็นว่า การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นกระบวนการที่มีการเตรียมการไว้แล้ว เป็นการไล่ล่าอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งการออกมาตอบโต้ก็เป็นการตอกย้ำในประเด็นเดิมที่กลุ่มองค์รักษ์ ของอดีตนายกฯพยายามสร้างประเด็นตอบโต้ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว
การตอกย้ำเรื่อง การไล่ล่า การกระทำที่ไม่เป็นธรรม ก็เพื่อจะตอกย้ำประเด็นที่ใช้ต่อสู้มาตลอดนั้นก็คือ..สองมาตรฐาน
อย่างไรก็ตามมีการออกมาตอบโต้ในเรื่องดังกล่าวจาก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ที่ถือกันว่าเป็นสายตรงที่อดีตนายกยิ่งลักษณ์ไว้วางใจมากที่สุด นั้นก็คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่เขียนความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ
ได้ยืนยันว่า "โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสุทธิเป็นบวก... จะให้ทวงค่าเสียหายจากใคร" โดยมองว่าการดำเนินการของป.ป.ช. ปฏิบัติต่ออดีตนายกรัฐมนตรีอย่างซ้ำซ้อนและ ไม่เป็นธรรม สร้างความหนักใจ ให้กับส่วนราชการ คือกระทรวงการคลัง
ขณะเดียวกันนายกิตติรัตน์ได้อธิบายในเรื่องแนวคิดเรื่อง "ผลประโยชน์ และความเสียหาย" โดยยกเอาการรายงานของสำนักเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้คำนวณ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลในปี 2554/55 และปี 2555/56 ว่า
ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศเป็นมูลค่าถึง 308,000 ล้านบาท และ 315,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ จีดีพี ร้อยละ 2.7 และร้อยละ 2.8 ของประเทศในปี 2555 และ 2556 ซึ่งสูงกว่า "ตัวเลขค่าใช้จ่ายสุทธิทางบัญชี" ที่กำลังดำเนินการปิดบัญชีกันอยู่ เป็นจำนวนมาก
โดยสรุปก็คือ โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ดี ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่การสร้างความเสียหาย
นับว่าเป็นความพยายามของอดีตรัฐมนตรีคลัง ที่จงใจหยิบเอาผลของเม็ดเงินที่ใส่ลงไปในโครงการจำนำข้าว ว่าส่งผลต่อการขยายตัวต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไรมาขยาย เพื่อโต้แย้งความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งที่จริงในเรื่องการอัดฉีดเม็ดเงินในโครงการของรัฐบาลตามระบบ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็ตาม เป็นการใช้นโยบายการคลัง หรือ อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ก็เป็นเรื่องตามกลไกที่จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว
แต่สิ่งที่อดีตรัฐมนตรีคลังจงใจไม่กล่าวถึงก็คือ ความเสียหายในการดำเนินโครงการที่มีการกล่าวหาโครงการจำนำข้าวว่า โครงการจำนำข้าวที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำเนินการ แท้จริงไม่ใช้จำนำ แต่เป็นการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวทุกเมล็ด ในราคาที่สูงกว่าตลาดประมาณเท่าตัว ซึ่งทำให้ต้องใช้เงินในโครงการอย่างมหาศาลอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน
อดีตรัฐมนตรีคลังไม่พูดถึงความเสียหายจาก กรณีการส่งออกข้าวของประเทศที่ตกต่ำไม่สามารถส่งออกไปขายแข่งกับประเทศคู่แข่งได้เลย
ไม่พูดถึง กรณีการตรวจสอบการขายข้าวแบบจีทูจี ที่ป.ป.ช.และอัยการเห็นว่าไม่มีอยู่จริง และกำลังดำเนินคดีกับรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้
ไม่พูดถึงความเสียหายของข้าวที่มีการสอดไส้ ทำตัวเลขสต็อกลม หรือข้าวที่หายไปจากโกดัง เมื่อมีการไปตรวจโกดังเก็บข้าว หลังจากมีการยึดอำนาจเป็นข่าวปรากฏอย่างชัดเจน เป็นต้น
การออกมาตอบโต้ของอดีตรัฐมนตรีคลังครั้งนี้ โดยเนื้อหาแล้ว ไม่ต่างไปจากเดิมที่ต้องการยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวเป็นเรื่องดี ไม่มีความเสียหาย เป็นการไล่ล่าทางการเมือง เพื่อจะตอกย้ำให้ประเด็นดังกล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง เพื่อจะได้ไปสู่จุดหมายที่มีคนกำลังตั้งข้อสังเกต และเป็นกระแสก่อนหน้านี้ คือ ท้ายที่สุดทางออกของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็คือ..ขอลี้ภัยทางการเมือง ใช่หรือไม่....?
โดย...เปลวไฟน้อย