นักข่าวหนุ่มโร่แจ้งความ! ถูก ตร.พัทยาพยายามยัดยาเสพติด

วันที่ 1 มี.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวประจำเมืองพัทยา ขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพร้อมด้วยอาสาจราจร ทำการตั้งด่านตรวจวินัยจราจร ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ที่ร่วมทำการตั้งด่านพยายามที่จะยัดยาเสพติด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 28 ก.พ. 58

นายทิวากร กฤษมณี อายุ 25 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์พัทยาพีเพิ้ล ประจำท้องถิ่นเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ถูกเจ้าหน้าที่จราจร และอาสาจราจร สภ.เมืองพัทยา ตั้งด่านตรวจวินัยจราจร ที่บริเวณถนนพัทยาใต้ เรียกตรวจรถจักรยานยนต์ ขณะที่กำลังไปปฎิบัติหน้าที่หาข่าวประจำวัน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่พยายามยัดยาเสพติดให้โดยอ้างว่า นายทิวากร นั้นโยนยาทิ้ง

นายทิวากร ผู้สื่อข่าว ได้ให้การว่า ตนนั้นได้ขับรถตระเวนข่าวปกติทุกวัน มาวันนี้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาพบด่านตรวจ ก็ให้ความร่วมมือเข้าจอดให้ตรวจตามระเบียบ โดยไม่ได้อ้างว่าเป็นนักข่าวเพื่ออวดเบ่งแต่อย่างใด ต่อมาได้มีชายแต่งตัวสวมหมวกแก๊ปสีดำ เสื้อคลุมสีดำ พกวิทยุสื่อสาร เดินมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่จราจรว่า ตนนั้นโยนยาเสพติดทิ้งและพยายามที่จะให้รับว่าเป็นเจ้าของ จึงได้ปฎิเสธว่าไม่ใช่และไม่ได้โยนยาดังกล่าวทิ้งแต่อย่างใด แต่บุคคลดังกล่าวยังยืนยันเสียงแข็งว่าตนนั้นเป็นคนที่ทิ้งยาเสพติด

ต่อมาได้มีกลุ่มเพื่อนนักข่าวที่กลับจากการทำข่าวมาพบ เห็นจึงได้เข้ามาดูและสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเกิดการโต้เถียงกันจนทำให้มีประชาชนจำนวนมาก ได้ใช้มือถือถ่ายภาพเพื่อลงโซเชียล ภายหลังที่รู้ว่าเป็นกลุ่มผู้สื่อข่าว ก็มีอาสาจราจรในเครื่องแบบเดินเข้ามาเจรจาพูดคุย โดยอ้างว่าบุคคลดังกล่าวนั้น เป็นเจ้าหน้าที่เก็บรถของงานจราจรเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน ยาเสพติดดังกล่าวอาจจะเป็นของคนอื่นก็ได้

นายทิวากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่อาจจะไม่เหมาะสมนัก ถ้าหากเป็นประชาชนชาวบ้านหรือวัยรุ่นธรรมดา เจอกับสถานการณ์แบบนี้จะเป็นอย่างไร อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่กล่าวอ้างว่าตนโยนยาทิ้ง ก็ไม่ได้นำยาดังกล่าวมาให้ดู และก็ไม่ได้มีการนำยาเสพติดดังกล่าวที่พบเจอ มาให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบอีกด้วย

ตนจึงได้แจ้งความต่อ ร.ต.ท.สนั่น โคตะนันท์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะทำการเรียกเจ้าหน้าที่จราจรรวมถึงอาสาที่ปฎิบัติหน้าที่ตั้งด่านในวันที่เกิดเหตุมาทำการไตร่สวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง