หนุ่มเยอรมันใช้ถุงรัดคอตาย สละ 200 บาทสุดท้ายทำบุญ
ขอขอบคุณภาพจาก ข่าวสดออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา สภ.โชคชัย รับแจ้งเหตุพบศพชายชาวต่างชาติใช้ถุงคลุมศีรษะฆ่าตัวตายภายในบ้าน ซอยสังคมสงเคราะห์ 12 ลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์สูง 3 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 28 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณห้องนอน ชั้น 2 ของตัวบ้าน พบศพ Mr.Helmut Alfred Breidenaged อายุ 43 ปี ชาวเยอรมัน สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน สวมเสื้อยืดคอปกสีแสดคาดดำ นุ่งกางเกงสามส่วนสีดำ โดยที่ศีรษะมีถุงพลาสติกสีดำคลุม พร้อมทั้งมีสก็อตเทปพันโดยรอบลำคออีกที ตรวจสอบโดยรอบไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด
และยังพบกระดาษจดหมายเขียนข้อความลาตาย มีใจความบอกรักภรรยาและลูกทั้งสอง โดยคุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตผม ลงชื่อ โจ วางไว้ที่ตู้กระจกสำหรับวางเครื่องสำอาง เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตร ที่ รพ.ตำรวจ
จากการสอบสวน น.ส.กรรญกร ฮวดบำรุง อายุ 21 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า ตนเคยแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวไทย จนมีบุตรด้วยกัน 2 คนแต่ได้เลิกรากันไป ก่อนจะมาพบรักกับผู้ตาย ซึ่งมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ จนกระทั่งตกลงอยู่กินด้วยกันได้ 4 ปี
โดยก่อนหน้านี้ผู้ตาย เคยร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์กราฟฟิก ในประเทศเยอรมัน เคยมีภรรยาคนไทยและลูกอยู่แล้ว ก่อนจะเลิกรากันแล้วมาคบกับตน โดยสามีได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกของตนทั้ง 2 คน เป็นอย่างดี อีกทั้งยังดูแลให้ค่าใช้จ่ายกับครอบครัวของตน และส่งเสียน้องของตนอีก 2 คน ให้เรียนหนังสือด้วย
แต่เมื่อกลางปีที่แล้วสามีประสบอุบัติเหตุรถจยย.พลิกคว่ำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับได้มีปัญหาภายในบริษัท ทำให้ได้เงินส่วนแบ่งมาไม่มากเหมือนเดิม ซ้ำแม่สามีที่อยู่ประเทศเยอรมันก็ล้มป่วยลง และต้องการให้กลับประเทศ แต่สามียืนยันว่าจะไม่ไปไหน
ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้หยิบเงิน 200 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่ติดตัวให้ตนไปทำบุญวันมาฆบูชา ตามที่ตนนัดหมายกับพ่อไว้ เหมือนกับผู้ตายต้องการจะทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเสียชีวิต ซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่า สามีจะด่วนตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยจะประสานทางสถานทูตเพื่อติดต่อญาติผู้เสียชีวิต มารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป