MH 370 : ครบ 1 ปีที่โลกยังรอคำตอบจากฟากฟ้า

MH 370 : ครบ 1 ปีที่โลกยังรอคำตอบจากฟากฟ้า

MH 370 : ครบ 1 ปีที่โลกยังรอคำตอบจากฟากฟ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

8 มีนาคม 2557 อีกหนึ่งวันที่ยังคงเป็นความทรงจำอันปวดร้าวของคนทั้งโลก เมื่อเครื่องบินสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 370 มุ่งหน้าจากกัวลาลัมเปอร์สู่กรุงปักกิ่ง ขาดการติดต่อโดยไม่ทราบสาเหตุ นำพาเอาผู้โดยสาร 239 คน และลูกเรือหายไปด้วย

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชีวิตของใครหลายคนต้องเปลี่ยนไป หลายๆ ทฤษฎีถูกหยิบขึ้นมาพูด ข้อสันนิษฐานต่างๆ ถูกนำมาตีแผ่ ตั้งแต่ทฤษฎีสมคบคิดทางการเมือง สลัดอากาศจี้ชิงเครื่องบิน ไปจนถึงมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว

ถึงแม้ว่าการตามหา MH 370 เป็นความร่วมมือในระดับสากล แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้มนุษยชาติเข้าใกล้ความเป็นจริงแต่อย่างใด

มิหนำซ้ำ การรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวของสายการบินจัดว่าเลวร้าย เพียง 16 วันหลังจาก MH 370 หายไป มาเลเซียแอร์ไลน์ได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย

“มาเลเซีย แอร์ไลน์ มีความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่จะต้องยอมรับว่าการหายไปของ MH 370 เป็นเรื่องที่อยู่เหนือข้อ สันนิษฐานอันมีเหตุผลทั้งปวง และไม่มีผู้รอดชีวิตบนเครื่องบินลำดังกล่าว”

ข้อความที่ชวนให้หัวใจสลายนี้คือข้อความที่สายการบินส่งถึงญาติของผู้โดยสาร ในวันที่ 24 มีนาคม หรือ 16 วันหลังเกิดเหตุการณ์ช็อกโลก และมันคือชนวนเหตุให้กลุ่มญาติต้องออกมาประท้วงในรูปแบบต่างๆ หลายต่อ หลายครั้ง

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียออกมาประกาศว่า MH 370 ประสบอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าการค้นหาจะยังดำเนินต่อไป แต่สันนิษฐานว่าผู้โดยสารและลูกเรือเสียชิวิตทั้งหมด

แน่นอนว่าคำประกาศอันปราศจากหลักฐานยอมสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่รอคอยอยางมีความหวังแม้มันจะเหลืออยู่น้อยนิด

ในวันตรุษจีนที่ผ่านมา ครอบครัวอื่นๆ เฉลิมฉลองกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ญาติของเหยื่อบนเที่ยวบน MH 370 เลือกที่จะเดินทางไปชุมนุมกันที่หน้าสำนักงานของมาเลเซีย แอร์ไลน์ เพื่อขอให้ยกเลิกคำประกาศดังกล่าว

เพราะครอบครัวของพวกเขาอยู่ตรงไหนสักแห่งในโลกนี้ มันคือความจริงที่รอการเปิดเผย “ใครจะบอกได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น” “วันนี้เป็นเรา พรุ่งนี้มันอาจจะเป็นคุณ” นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อสารกับรัฐบาลมาเลเซีย และสายการบินแห่งชาติ

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปจนครบปี แต่สื่อต่างประเทศหลายๆ สำนักก็ยังคงให้ความสนใจเหตุการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง แง่มุมต่างๆ ของเรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด เหมือนเป็นการบอกสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์แบบอ้อมๆ ว่า “คุณยังถูกจับตามองอยู่นะ”

เดอะ การ์เดียน สื่อใหญ่ของอังกฤษ นำเสนอเรื่องราวของ ซาราห์ บาจ หนึ่งในคนที่เฝ้ารอให้ความจริงปรากฏ โดยคนรักของเธอคือผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH 370 เขาเป็นพนักงานระดับอาวุโสของ IBM

“อยากรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไร ลองหลับตา คิดให้หนัก จินตนาการว่าคนที่คุณรักที่สุดในโลกหายไปอย่างไร่ร่องรอยโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางความโกลาหลจากผู้คนรอบข้าง ความหวังขาดสะบั้น การค้นหาอย่างไร้ทิศทาง ไร้ศักยภาพ และปราศจากความซื่อสัตย์ เอาล่ะ ตอนนี้ชีวิตที่เหลือของคุณถูกทำลายอย่างย่อยยับ นั่น อาจจะได้แค่ครึ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึก”

ซาราห์ ยอมรับว่าเธอหมดศรัทธาในการสืบสวนของทางการ ทั้งยังรู้สึกว่าญาติของผู้โดยสารถูกหลอกให้เชื่อ แบบผิดๆ มาตั้งแต่วันแรก และต่อจากนี้เธอจะดำเนินการด้วยตัวเอง โดยเป็นการรวมตัวกันกับผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่ได้ติดต่อกันเรื่อยมานับแต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน

พวกเขามีจุดร่วมที่เหมือนกัน เข้าใจหัวอกของกันและกันเป็นอย่างดี เพราะคนที่พวกเขารักต่างก็ประสบชะตา กรรมเดียวกัน “ฉันขอปฏิเสธที่จะเชื่อ จนกว่าจะมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเขาตายแล้ว” เธอกล่าว

นอกจากนี้ สเตรท ไทม์ ยังตีพิมพ์เรื่องราวของ เหลียงเหว่ย ชายหนุ่มวัย 27 ปี จากมณฑลเหอเป่ย พี่ชายของเขา คือหนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนั้น โดยทุกๆ สัปดาห์ เขาจะเดินทาง 6 ชั่วโมงเพื่อไปยังศูนย์ชั่วคราวของ มาเลเซีย แอร์ไลน์ ใกล้ๆ กับสนามบินปักกิ่ง เพื่อถามหา “ความจริง” จากเจ้าหน้าที่คนไหนก็ตามที่เขาพบ

“ถ้าความจริงไม่ได้รับการเปิดเผย ความเจ็บปวดนี้จะอยู่กับเราไปชั่วชีวิต” เขากล่าว

จากรายงานล่าสุดของสำนักข่าวชินหัว ระบุว่าการค้นหาใต้น้ำนำโดยออสเตรเลียยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้จะคว้าน้ำเหลวมาตลอด 1 ปี และมีข่าวลือว่าอาจจะต้องยุติการค้นหาในภาคพื้นมหาสมุทร ซึ่งเป็นประเด็นที่แหล่งข่าวจากทางการออสเตรเลียระบุว่ารัฐบาลจนกับมาเลเซียยังตกลงกันไม่ได้ในเรื่องนี้ “เราค้นหาตลอดไปไม่ได้ แต่เราก็อยากจะทำทุกอย่างอย่างมีเหตุผลเพื่อระบุพิกัดของเครื่องบินให้ได้ การตัดสินใจในขั้นต่อๆ ไป ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่ง มันคือความร่วมมือ”

แหล่งข่าวคนเดิมยังบอกอีกว่า การค้นหาที่ทำมาตลอด 1 ปี คิดเป็นแค่ 40% ของทั้งหมด และจะยังคงโฟกัสส่วนที่เหลือ

ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าจะเจอ MH 370 เข้าสักวันหนึ่ง ถึงแม้ไม่มีใครการันตีได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง แต่โลกก็ยังรอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook