สั่งพักราชการ "หัสวุฒิ" ประธานศาลปกครองสูงสุด
รายงานข่าวจาก ศาลปกครอง ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) วันที่ 30 มีนาคม 2558 ได้ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง นับแต่ 13.00 น. จนถึงช่วงเวลา 19.00 น. ก่อนจะมีมติด้วยคะแนน 8 ต่อ 3 เสียง ให้สั่งพักราชการ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด จากกรณีนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการ สำนักงานศาลปกครอง ได้ทำบันทึกส่วนตัวหรือ "จดหมายน้อย" ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และรอง ผบ.ตร. ขอให้สนับสนุนนายตำรวจยศ พ.ต.ท. รายหนึ่ง ให้เลื่อนเป็นยศ พ.ต.อ. โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของประธานศาลปกครองสูงสุด จนถูกร้องเรียนจาก ผู้เสียโอกาส ซึ่ง ก.ศป.ได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และมีความเห็นว่ามีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา และมีมติ 9 ต่อ 2 ให้ตั้งกรรมการขึ้นมา สอบสวน
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการตุลาการ ที่มีการสั่งพักราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุด จากนี้ไปจะเป็นการสอบสวนโดยคณะกรรมการ 5 คน โดยกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ การไล่ออก ส่วนกรณีที่เบาที่สุดคือ สอบสวนแล้วไม่มีมูล ให้ยุติการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นการพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า ศาลปกครองมีมาตรฐานที่สูงไม่ไว้หน้าผู้ใด และมีการกระบวนการตรวจสอบที่ชัดแจนและเป็นธรรม
สำหรับผู้ที่ขึ้นมารักษาราชการแทนตามระเบียบ ก.ศป. ได้แก่ นายเกษม คงสัตย์ธรรม ตุลาการศาลปกครองที่มีอาวุโสสูงสุด ทั้งนี้ ในวันที่ 31 มี.ค.58 จะมีคำแถลงผลประชุมที่ชัดเจนต่อสื่อมวลชน ในรูปแบบแถลงข่าวหรือ การแจกเอกสารข่าว
รายงานข่าวระบุว่า ก.ศป. เสียงข้างมากที่สั่งให้พักราชการนายหัสวุฒิ ประกอบด้วย ตุลาการศาลปกครองสูงสุด 4 คน คือ 1.นายชาญชัย แสวงศักดิ์ 2.นายวิษณุ วรัญญู 3.นายสมชาย งามวงศ์ชน 4.นายวราวุฒิ ศิริยุทธิ์วัฒนา
ศาลปกครองชั้นต้น 3 คน คือ 1. นางศิริกาญจน์ พานพิทักษ์ 2.นายพัลลภ รัตนจันทรา และ 3.นายเกียรติภูมิ แสงศศิธร ส่วนอีก 1 เสียง คือ นายกู้เกียรติ สุนทรบุระ ก.ศป.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนนายนพดล เฮงเจริญ ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ลาการประชุม เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศ
สำหรับ ก.ศป.เสียงข้างน้อย 3 เสียง ได้แก่ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ และ 2 ตัวแทน ก.ศป. จากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คือ นายอุดม รัฐอมฤต รองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ,นายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช อดีตผู้ว่าราชการ จ.น่าน
ทั้งนี้ถือว่า เป็นการช็อกวงการศาล เพราะไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน โดยในสำนักงานศาลปกครอง ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนัก ในประเด็นชะตากรรมของประธานศาลปกครองที่เกิดขึ้นเพราะคนรอบข้าง