ช็อก! สภ.หลีเป๊ะ มีพื้นที่ใช้งาน 36 ตารางวา

กรณีที่สถานที่ตำรวจภูธร(สภ.)หลีเป๊ะ ตั้งอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ที่ก่อนหน้าปี 2532 ได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ 10 ไร่ กับกรมป่าไม้ในขณะนั้น (ปัจจุบันแยกกรมออกมาเป็นกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช) เพื่อขอสร้างหน่วยบริการประชาชน สภ.เมืองสตูล กรมป่าไม้ก็ได้กันที่ออกให้ 10 ไร่ ตามคำขอ โดยให้มีการล้อมรั้ว เพื่อแสดงอาณาเขตพื้นที่สภ.ให้ชัดเจน

ต่อมาเมื่อนายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้ไปตรวจราชการในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ กลับพบว่าเวลานี้ ทางสภ.หลีเป๊ะถูกเอกชน คือ รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ฟ้องร้องขับไล่ให้ทางสภ.หลีเป๊ะ รื้อสำนักงานทิ้ง เนื่องจากสร้างอยู่ในที่เอกสารสิทธิของรีสอร์ต และกรมอุทยานแห่งชาติร่วมกับกองทัพเรือ ได้เข้าตรวจสอบเรื่องการบุกรุกอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนเกาะหลีเป๊ะ และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับรีสอร์ต 12 แห่งที่บุกรุก กับทางสภ.หลีเป๊ะ ที่กำลังถูกฟ้องไล่ที่แห่งนี้นั้น

ภายหลังจากข่าวนี้ถูกนำเสนอออกไป ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่ และที่ได้รับทราบข่าวนี้อย่างมากและจากการตรวจสอบ พบว่าเวลานี้ทางสภ.หลีเป๊ะ เหลือพื้นที่ใช้งาน แค่ 36 ตารางวา เท่านั้น ใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานสำหรับบริการรับแจ้งความร้องทุกข์ จากประชาชนและนักท่องเที่ยวบนเกาะ ทั้งสถานีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการอยู่ประมาณ 10 นาย โดยสถานที่ที่มีเหลืออยู่ ไม่เพียงพอสำหรับการสร้างบ้านพัก นายตำรวจจะต้องกางเต็นท์นอน รอบๆ บริเวณสถานีนั่นเอง

มีกระแสข่าวพูดกันในกลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ว่า สาเหตุของการฟ้องร้องครั้งนี้ มาจากนายตำรวจคนหนึ่งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เอาที่ดินไปขายให้เอกชนรายหนึ่งในราคาไร่ละ 3 ล้าน บาท ในขณะที่เวลานี้ ราคาที่ดินในเกาะหลีเป๊ะ พุ่งสูงถึงไร่ละ 20-35 ล้านบาทแล้ว

นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้จากนายสมัคร และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตาแล้ว ได้สั่งการว่าจะต้องรวบรวมหลักฐาน ประกอบด้วยแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และเอกสารเมื่อปี 2532 ครั้งที่ทางกรมตำรวจในขณะนั้น ได้ทำหนังสือขอใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ในเขตเกาะหลีเป๊ะ เพื่อสร้างหน่วยบริการประชาชน 10 ไร่ ในขณะนั้น รวมทั้งการเข้าไปรังวัดพื้นที่ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งเวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ในชั้นศาล กรมอุทยานฯ จึงต้องช่วยทาง สภ.หลีเป๊ะ โดยการส่งเอกสารหลักฐานยืนยันสิทธิในที่ดินเพิ่มเติม

ถามว่า วิเคราะห์ได้หรือไม่ว่า เป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆ ที่ของอุทยานแห่งชาติ ที่มอบให้กรมตำรวจในขณะนั้น จึงกลายเป็นที่เอกชนในที่สุด นายนิพนธ์ กล่าวว่า คงต้องไปตรวจสอบที่มาที่ไปของการออกเอกสารสิทธิที่ดินว่าออกมาได้อย่างไร หากออกโดยไม่ชอบก็ต้องเพิกถอน

"เท่าที่ฟังมาก็มีการพูดกันไปว่า นายตำรวจคนหนึ่งเอาที่ดินไปขายให้ทางรีสอร์ต ซึ่งผมมาคิดดูแล้วว่า เอาไปขายได้อย่างไรในเมื่อเป็นที่ของรัฐ อาจจะเป็นการยอมความให้เข้ามาใช้ประโยชน์ แล้วค่อยๆ รุกคืบเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องไปสืบความมาว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ กรณีแบบนี้ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเหมือนกัน เป็นเรื่องแปลกมาก ถึงอย่างไร กรมอุทยานฯก็ต้องช่วยสนับสนุนการต่อสู้คดีของ สภ.หลีเป๊ะ แน่นอน"