แพท เอาจริง! ขอเก็บเงินจัดงานแต่งไว้รักษาแม่

ทำเอาเกิดเสียงฮือฮากันขึ้นมาทันที หลังจากที่นางเอกสาว "แพท ณปภา" ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าหากตั้งท้องก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะตนจะไม่ขอแต่งงาน แต่จะขอมีลูกเลย โดยงานนี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเห็นด้วย และอีกฝ่ายที่มองว่าเธอแรงเกินไป

ล่าสุดพอมีโอกาสได้เจอสาวแพทอีกครั้ง เจ้าตัวก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า จะไม่จัดงานแต่งให้สูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เด็ดขาด แต่จะเก็บเงินนั้นไว้ดูแลครอบครัว และเป็นค่ารักษาให้คุณแม่ที่ป่วยอยู่

จากที่เราได้ให้สัมภาษณ์ไปว่าไม่ขอแต่งงาน แต่ขอมีลูกเลย ทำให้มีกระแสตามมาเยอะ?
"คือเท่าที่เข้าไปอ่านส่วนใหญ่จะเข้าใจมากกว่านะคะ เพราะหนึ่งเลยคนที่คิดจะแต่งงานคือต้องพร้อมจริงๆ แต่เราบอกเลยเราไม่พร้อม ด้วยทุกๆ อย่างเลย ไม่ว่าจะเรื่องของแฟนด้วย เรื่องทางบ้าน การใช้จ่ายต่างๆ คือภาระแพทเยอะ คนที่ไม่เข้าใจก็อาจจะเป็นคนที่เขาไม่ได้มีภาระเหมือนเรา เขาเลยไม่เก็ทในสิ่งที่เราพูด ส่วนคนที่เขาเข้าใจคือคนที่คล้ายๆ เรา หรือเข้าใจชีวิตเราว่าการแต่งงานไม่ใช่จุดจบของทุกเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าการแต่งงานจะทำให้เราอยู่ด้วยกันรอด คนที่ไม่แต่งงานบางคู่อยู่ด้วยกันนานกว่าคู่ที่แต่งงานด้วยซ้ำ ถ้าการแต่งงานเป็นแค่การประกาศให้ทุกคนรู้ว่าฉันมีสามีแล้ว แพทก็สามารถประกาศได้ด้วยวิธีอื่นที่มีเยอะแยะ ไม่เห็นต้องเอาเงินเราไปลงอะไรกับตรงนั้น ต่อให้แฟนแพทเป็นคนออกให้ แพทก็อยากให้เขาเก็บเงินก้อนนั้นไว้ดูแลพ่อแม่เขา หรือพ่อแม่เราดีกว่า"

แฟนเราว่าอย่างไรบ้าง?
"เขารู้อยู่แล้วค่ะ เขารู้ตั้งแต่วันแรกที่คุยกันแล้วว่าเรื่องแต่งงานถูกตัดออกไปตั้งแต่วันแรกที่แม่แพทป่วยแล้ว เพราะหลังจากที่แม่แพทป่วยหนัก แพทก็ถามตัวเองตลอดว่าจะจัดให้ใครดู จัดให้คนอื่นดูแล้วแม่เราล่ะ คือที่แพทอยากแต่งงานอยากจัดเพราะอยากให้เกียรติครอบครัว แต่ ณ ตอนนี้ ญาติแม่ก็ไม่มีเลย ไม่มีใครแสดงตัว ไม่มีใครมาเยี่ยมแม่ด้วยซ้ำ เราจะจัดให้เขามาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหน หรือจะจัดให้เพื่อนกันเองเหรอคะ ซึ่งมันก็ไม่ใช่"

แต่เราก็อาจจะมีการหมั้นหรือจดทะเบียนสมรสใช่ไหม?
"ต้องมีอยู่แล้วค่ะ เพราะอยากประกาศให้คนรู้อยู่ว่าเราจะใช้ชีวิตคู่กับคนนี้ เรามั่นใจแล้ว แต่ ณ ตอนนี้ที่พูดอย่างนี้คือแพทไม่ได้มั่นใจอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ และแพทรู้สึกว่าภาระแพทยังเยอะ เยอะขนาดที่ว่าจะจัดเพื่ออะไร ตอนนี้อยากทำงานมากกว่าแต่งงานด้วยซ้ำ แต่ที่พูดคืออยากให้ทุกคนเข้าใจเลย หลายคนชอบถามว่าเมื่อไหร่จะแต่ง อายุจะสามสิบแล้ว แต่สำหรับแพทมันยังไม่ใช่เวลาเลย"

หลายคนก็มองว่าเราเป็นสาวแรงไปเลยที่กล้าพูดแบบนี้?
"อ๋อใช่ แพทเป็นคนตรงค่ะ แพทไม่รู้ว่าแพทจะแอ๊บไปทำไม เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละ แค่จะช้าจะเร็วแค่นั้นเอง วันหนึ่งพี่ๆ ก็ถามแพท ว่าคิดจะแต่งงานหรือยัง มันก็ยังมีค่าเท่ากัน ตอนนี้แพทไม่ได้คิดแล้ว ต่อให้อีกยาวไปกว่านี้แพทก็ไม่คิดอยู่ดี"

ถ้าสมมุติวันหนึ่งเราเปลี่ยนใจจัดงานแต่งขึ้นมา กลัวจะมีกระแสขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ไหม?
"คืองานแต่งไม่มีแน่ๆ อยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) ยังไงก็ไม่มี นอกเสียจากว่าได้สามีรวยค่ะ (หัวเราะ) อันนี้จริงๆ ตรงจริงๆ แพทไม่แอ๊บอยู่แล้ว และแพทรู้สึกว่าสังคมชอบให้พูดตรงๆ ดีกว่ามานั่งแอ๊บมันไม่ใช่ คือพูดตรงๆ แฟนแพทก็ไม่ใช่คนรวยใช่ไหมคะ แล้วแพทจะแต่งเพื่อให้เขาหาเงินมาทั้งชีวิตเพื่องานแต่ง อย่าเลย เงินตรงนั้นเก็บไว้ดูแลครอบครัว และตัวคุณเหอะ ถึงบอกไงคะถ้าวันหนึ่งมีแต่งก็คงไม่ใช่กับแฟนคนนี้ ต้องเป็นคนใหม่ที่เขาจัดให้เราได้ แต่ถ้าคนที่จัดให้เราไม่ได้ก็ไม่ต้องจัด เพราะเราก็ไม่อยากจัดเหมือนกัน"

คดีด้านคลินิกเสริมความงามตอนนี้จบหรือยัง?
"สำหรับแพทมันจบแล้ว เหลือแต่แค่จ่ายเงินให้เขาแค่นั้นเอง เคลียร์เรียบร้อยแล้วค่ะ"

ความสัมพันธ์ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนได้ไหม?
"ก็เป็นเพื่อนค่ะ คือเราห่างกันมาได้สักพักแล้ว ด้วยงานที่ไม่เหมือนกัน งานคลินิกก็หายไปเป็นปี"

ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?
"เอาตรงๆ นะคะ ไม่ได้ทะเลาะค่ะ แต่เราไม่ได้คุยกันตรงๆ แค่นั้นเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการที่พูดอ้อมๆ มากกว่า พอถึงวันหนึ่งแพทรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว มันต้องปิดอยู่แล้ว เพียงแค่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง"

ต้องจ่ายอีกเยอะหรือเปล่า?
"สำหรับของแพท แพทไม่ต้องจ่ายให้เขาค่ะ แพทหาคนมาเทคในส่วนของเขาไปบ้าง เพราะฉะนั้นคนที่เทคของเขาไปเป็นคนจ่ายค่ะ"

สุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะเห็นทำงานหนักมาก?
"ดีค่ะดี คือจริงๆ แพทเป็นคนชอบทำงาน ถามว่าหนักไหม ไม่มีคำว่าหนักสำหรับแพทนะ ยิ่งมีงานยิ่งชอบ เหมือนเราอยู่เฉยๆ และชีวิตไม่ค่อยมั่นคง อยากทำงานมากกว่า ถึงบอกไงคะ บทสรุปสุดท้ายแพทก็เลือกงาน เลือกครอบครัวก่อนเรื่องสามี เรื่องแต่งงานอยู่ดี ช่วงนี้ชีวิตดีมากค่ะ ดีตรงที่ว่าหลายๆ อย่างเริ่มเคลียร์มากขึ้น คุณแม่ป่วยเป้นหน้าที่ที่เราต้องดูแลอยู่แล้ว พี่สาวก็ป่วยตั้งแต่เราจำความได้ เพิ่มคุณพ่อมาอีกคนในการดูแล ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และปัญหาหลายๆ อย่างไม่ต้องมีอะไรให้คิดเยอะแล้วค่ะ อย่างเดียวที่คิดคือยากทำงาน อยากเก็บเงิน อยากทำให้ทุกคนที่บ้านมีความสุข อยากเห็นทุกคนกินอิ่มนอนหลับ ตัวเราไม่เคยรู้สึกเหนื่อยถ้าได้กลับไปแล้วเห็นแม่เราแฮปปี้ น้องเราแฮปปี้ ไม่มีใครเดือดร้อน เราโอเคแล้ว"