คดีไม่จบ หนุ่มฆ่ายัดขวด สารภาพทำมาหลายครั้งมาก

ขยายผลคดีฆ่าโหดยัดขวดในทวารสาว ผู้ต้องหาสารภาพอีก เคยทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน พบประวัติเปลี่ยนชื่อ-ที่อยู่นับสิบครั้ง เคยทำคนตายมาแล้วเมื่อปี 2549

จากกรณีเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ ฆ่าหญิงสาวสภาพเปลือยกาย พร้อมกับยัดขวดแก้วเข้าทวารหนักเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะจับกุมตัว นายภรา ชูศรี อายุ 53 ปี ผู้ก่อเหตุที่ยอมรับสารภาพแต่โดยดี ล่าสุดพบข้อมูลเพิ่มเติมเคยก่อเหตุฆ่าคนตาย เมื่อปี 2549 และเปลี่ยนชื่อ-ที่อยู่หลายสิบครั้ง

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำตัว นายภรา มาสอบสวนเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ส่งหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1817/2549 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ขออายัดตัว นายภรา ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

จากการสอบสวน นายภรา ให้การรับสารภาพว่า เมื่อปี 2549 อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ และแอบชอบ สาวเชียร์แขกสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านพัฒน์พงศ์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสาวทอม ก่อนจะล่อลวงด้วยอุบายเดิมๆ คืออ้างตัวเองชื่อ "ไซม่อน" เป็นชาวมาเลเซียและร่ำรวย ต้องการหาคนรัก และแอบล่อลวงไปที่เกสต์เฮาส์ ย่านสาทร

นายภรา เปิดเผยว่า ครั้งนี้ได้ก่อเหตุใช้ขวดเบียร์สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเหยื่อ จนเลือดไหลออกตายสยดสยองคาเตียงนอน ก่อนจะหลบหนีไปที่อื่นเรื่อยมา และก่อเหตุอีกหลายคดี จนจำแทบไม่ได้ จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่ นายภรา ยอมรับว่าทุกครั้งที่ก่อเหตุเกิดจากฤทธิ์ยากล่อมประสาท ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด

พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ระบุว่า ยังพบข้อมูลว่า ผู้ต้องหาเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง และย้ายภูมิลำเนาเกือบทุกปี ทั้งในพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออก กรุงเทพฯ และภาคเหนือ และผู้ต้องหาเองก็รับสารภาพว่า ก่อคดีลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง เหมือนจะเป็นโรคจิต ฆาตกรต่อเนื่อง โดยเฉพาะเชียงใหม่ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตาย 1 ศพ อีก 2 รายบาดเจ็บสาหัส ส่วนที่กรุงเทพฯ ยอมรับแล้ว 1 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และยังมีอีกหลายท้องที่ที่กำลังประสานงานอยู่

พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า นอกจากหมายจับของ สน.ทุ่งมหาเมฆ เหตุเกิดเมื่อ 2 กันยายน 2549 ส่วนที่อื่นก็มีของ สน.มักกะสัน ซึ่งได้แจ้งมาเช่นกัน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามผู้เสียหายเพื่อมายืนยัน นอกจากนี้ในพื้นที่ ภาค 2 ย่านพัทยา และ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหานั้น ก็คดีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นหลายคดีในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้นจึงฝากประชาสัมพันธ์ว่า หากพื้นที่ใดมีเหตุประทุษกรรมลักษณะแบบนี้ และยังหาตัวผู้ต้องหาไม่ได้ ขอให้ทางผู้เสียหายช่วยตรวจสอบว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ หากใช่ก็ให้ทางพนักงานสอบสวนในพื้นที่นั้นแจ้งอายัดตัวผู้ต้องหามาได้ที่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่