อ.เจษฎา ตั้งข้อสังเกตไฟไหม้ที่พัทลุง อาจไม่ใช่เรื่องลี้ลับ

จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ปริศนานับร้อยครั้งในรอบเดือน ที่บ้านของ นายล้อม ในพื้นที่ อ.ตะโหนด อ.ตะโหนด จ.พัทลุง โดยก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ด.ญ.ปราย 2 ขวบ ซึ่งเป็นหลานของ นายล้อม จะบอกผู้ใหญ่ในบ้าน โดยล่าสุดเหตุไฟไหม้หม้อหุงข้าว ด.ญ.ปราย ได้ยอมรับว่า เพื่อนเป็นคนจุด (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไฟปริศนายังลุกทั่วบ้านต่อเนื่อง หลานสาวบอก "เพื่อนจุด")

            ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (24 เม.ย.) อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีปริศนาไฟไหม้บ้านที่พัทลุงว่า อาจไม่ใช่เรื่องลี้ลับหรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ อย่างที่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตุก่อนหน้านี้ ขณะที่ เพื่อนที่ ด.ญ.ปราย บอกว่าเป็นคนจุด อาจจะเป็นผู้ใหญ่ที่เด็กรู้จักดี แล้วปลีกตัวเดินไปจุดไฟข้าวของด้วยไฟแช็ค ตามจุดที่ปลอดสายตาคน ก่อนจะบอกให้เด็กไปบอกคนอื่น แล้วกำชับว่า "เกม" นี้ เป็นความลับสนุกๆ

นอกจากนี้ อาจารย์เจษฎา ยังได้แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กเพจ พระยาธรรมิกราช ซึ่งมีการโพสต์คลิปวีดีโอและข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ระบุว่า

"เฉลยลับ!ปริศนาไฟไหม้ พัทลุง ลวงโลก ทฤษฎีสมคบคิด เล่นกล แหกตา จุดไฟเผาทีเผลอ *ในจุดที่ไม่มีใครเฝ้า* ปิดหน้าต่างมิดชิดไม่ให้ใครเห็น ไม่กล้าติดกล้องวงจรปิด 

ไม่กล้าจุดไฟให้เห็นกันจะๆ หลบซ่อนๆ.... ต้มตุ๋นไม่ต่างกับป้าอ้วน ดอยคำถูกหวยลวงโลก หมอปลายลวงโลก ฯลฯ...เป็นเรื่องน่าแปลก จุดต่างๆในบ้าน เช่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ หลังบ้าน ไม่มีเจ้าหน้าที่แบ่งกำลัง จัดเวรยามเฝ้า ทำให้คนแอบจุดไฟเวลาเผลอทุกครั้ง จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน 

ถ้าเป็นผีจุดไฟ จุดธูปบอกให้จุดไฟให้คนเห็นได้ต่อหน้า แต่ถ้าเป็นคนแอบจุด จะไม่กล้าติดกล้องวงจรปิด ไม่กล้าแบ่งเวรยามเฝ้าทุกจุด ทำไมเพลิงไหม้เกือบสองร้อยครั้ง ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ อบต.กำนัน ผู้ใหญ่ จึงไม่ส่ง เจ้าหน้าที่ ตร. ทหาร ดับเพลิง อปพร. สื่อ จัดเวรยามเฝ้าทุกจุด หรือติดกล้องวงจรปิด ทำไมปล่อย เรื่องลวงโลกเกิดขึ้น 

เช่นเดียวกับป้าอ้วน ไม่เคยโชว์เลข สลากกินแบ่ง ก่อนออกหวยออก หวยออกแล้วถึงเอาสลากที่ถูกรางวัล ซื้อมาทีหลังมาอวดเพื่อหลอกคนไปเสียค่าโง่ที่วัดดอยคำ..........ถ้าจัดเวรยามเฝ้าครบทุกจุด ไม่สมคบคิด รับรองคนไม่กล้าจุดไฟเผาแน่นอน....."

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก facebook  Jessada Denduangboripant และ พระยาธรรมิกราช