รพ."เนปาล"ไม่พอรองรับศพ หวั่นโรคระบาดต้องทยอยเผา-คาด ศก.อาจเสียหายกว่า1ล้านล้านบ.
มื่อวันที่ 28 เมษายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.8 ในเนปาลว่า รัฐบาลเนปาลได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเกือบทั้งประเทศเพื่อเข้าร่วมในปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่ความพยายามในการรื้อซากปรักหักพังเพื่อค้นหาผู้เสียชีวิตและผู้ที่อาจจะยังรอดชีวิตยังคงดำเนินต่อเนื่องแม้จะเข้าสู่วันที่ 4 หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว และยังพบร่างผู้ประสบภัยรวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งโรงพยาบาลในกรุงกาฐมาณฑุไม่สามารถที่จะรองรับผู้คนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาตัวไหว เจ้าหน้าที่ยังหวั่นว่าอาจเกิดโรคระบาดขึ้นตามมา จึงได้ทยอยเผาศพผู้เสียชีวิตและนำเถ้ากระดูกไปลอยในแม่น้ำ โดยประชาชนในกรุงกาฐมาณฑุได้ร่วมพิธีสวดมนต์ให้กับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งนำมาตั้งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำบักมาติก่อนจะทำพิธีเผา ทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันไฟพวยพุ่งใกล้กับศาสนสถานของศาสนาฮินดู
ความพยายามในการให้ความช่วยเหลือนักปีนเขาที่เบสแคมป์ของยอดเขาเอเวอเรสต์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เนื่องจากช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวและหิมะถล่มเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ทำให้มีนักปีนเขาหลายร้อยคนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จึงทำให้การประเมินความสูญเสียที่แท้จริงขณะนี้ยังทำได้ยาก
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าผู้ประสบภัยในเนปาลต่างแสดงความโกรธแค้นอย่างหนักเนื่องจากความช่วยเหลือของรัฐบาลเป็นไปอย่างล่าช้า และเกิดความกังวลใจเรื่องการขาดแคลนน้ำ อาหาร และเครื่องใช้จำเป็นที่เพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านที่หวั่นกลัวว่าจะไม่มีน้ำ อาหาร และน้ำมัน ต่างพากันไปเข้าคิวเพื่อเติมน้ำมัน เช่นเดียวกับซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งที่แทบจะไม่มีสินค้าที่จำเป็น อาทิ ข้าวและน้ำมันวางขายเพราะประชาชนซื้อไปกักตุน ส่วนชาวเนปาลที่เข้ามาทำงานในเมืองจำนวนมากต่างพากันเดินทางออกจากกรุงกาฐมาณฑุกลับไปยังบ้านเกิดกระทั่งรถโดยสารประจำทางแน่นขนัด หลายคนถึงกับขึ้นไปนั่งบนหลังคารถเพราะต้องการกลับไปยังบ้านเกิดให้เร็วที่สุดเพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น
รอยเตอร์รายงานว่า มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเนปาลและอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้งที่ตามมามีแนวโน้มว่าจะอยู่ระหว่าง 1,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32,000-320,000 ล้านบาท) แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.2 ล้านล้านบาท) เช่นเดียวกัน โดยจากผลสำรวจที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (ยูเอสจีเอส) ระบุว่า เนปาลมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เมื่อปี 2556 อยู่ที่ 19,290 ล้านดอลลาร์ (ราว 628,000 ล้านบาท) และมูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้อาจจะมากกว่าจีดีพีของเนปาลทั้งประเทศ
นายราชีพ พิศวาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอชเอสเอเชีย-แปซิฟิก ระบุว่า "การที่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะรุนแรงมาก" ด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่า จีดีพีของเนปาลเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 เปอร์เซ็นต์ ในปีการเงิน 2557 ทว่า ความเสียหายจากแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อก จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจของเนปาล