สาวโคราชเผยนาทีชีวิต "แผ่นดินไหวเนปาล"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 พ.ค.) นางเพ็ญจิต อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา และ นายสก็อต เดวิด ฟิซโตเรซี่ อายุ 35 ปี ชาวอเมริกัน ทั้ง 2 เป็นสามีภรรยา ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา
โดยนางเพ็ญจิต เปิดเผยว่า ตนกับสามีได้วางโปรแกรมไปท่องเที่ยวประเทศเนปาล 2 วัน ระหว่างวันที่ 25-26 เม.ย. โดยเป็นการไปกันเองเพียง 2 คน ไม่ได้ไปกับคณะทัวร์ และได้พักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง กลางเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ช่วงเช้าจึงได้เดินทางไปเที่ยวพระราชวังในเมืองกาฐมาณฑุ
ระหว่างที่ตนกับสามีอยู่ภายในตัวพระราชวังชั้นที่ 1 เวลาประมาณ 11.56 น. ก็เห็นนกพิราบจำนวนมาก แตกตื่นบินหนี หลังจากนั้นเพียง 10-15 วินาที ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรง จนกระเบื้องหลังคา และอิฐลงมาเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินอยู่ภายในอาคารนับร้อยคน ต่างแตกตื่นวิ่งหนีอย่างโกลาหล เสียงจากใต้ดินดังเหมือนฟ้าร้อง ทุกคนยืนไม่ได้ต้องหมอบอยู่กับพื้น เพราะแผ่นดินส่ายไปมา เหมือนอยู่ในเรือที่กำลังโต้คลื่น
ตนเห็นคนถูกกระเบื้อง อิฐ และเสาไม้ล้มทับจำนวนมาก แต่ไม่สามารถช่วยใครได้ ต่อมา ก็เริ่มมีฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมด ตนหายใจเอาแต่ฝุ่นเข้าไปในปอดตลอด ขณะนั้นคิดว่าคงไม่รอดแน่ และก็เริ่มคิดถึงพ่อ-แม่ รวมทั้งลูกสาว 2 คน วัย 8 ขวบ และ 4 ขวบ ซึ่งอยู่กับญาติที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา แต่โชคดีที่เห็นแสงลอดมาจากช่องประตู จึงรีบวิ่งหนีออกมาจากตัวอาคารได้ เมื่อออกมาก็ต้องพบกับสภาพตัวอาคารต่างๆ ภายในพระราชวัง พังลงมาหลายหลัง
เมื่อกลับมาที่โรงแรม ปรากฏว่าห้องพักก็ไม่สามารถพักได้ เพราะตัวอาคารของโรงแรมแตกร้าวทั้งหลัง เจ้าของโรงแรมจึงไม่รับประกันความปลอดภัย ทุกคนจึงต้องมากางเต็นท์นอนบนสนามหญ้าหน้าโรงแรม ระหว่างนั้นก็พยายามโทรศัพท์ติดต่อญาติ เพื่อเช็คเที่ยวบินแต่พบว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินหลายเที่ยว จึงมีความล่าช้าถึง 3 วัน
ตนกับสามีอาศัยอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวด้วยความยากลำบาก ร้านอาหารก็ปิดทุกร้าน มีเงินก็ซื้ออะไรไม่ได้ ตนและสามีจึงไม่มีข้าวกิน มีเพียงน้ำและขนมปังเหลือในกระเป๋ากินกันพอประทังชีวิต น้ำก็ไม่ได้อาบมา 3 วัน จนกระทั่งวันที่ 28 เม.ย. จึงมีเที่ยวบินว่าง ตนและสามีจึงได้เดินทางกลับประเทศไทยในที่สุด
นางเพ็ญจิต กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกว่าเป็นผู้โชคดีมาก ที่รอดชีวิตมาได้ แต่ก็รู้สึกหดหู่ใจ เมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้หลายพันคน หลังจากนี้คงไม่กล้าไปเที่ยวต่างประเทศอีกแล้ว เพราะอยากอยู่กับลูกๆ เหมือนเราได้เกิดใหม่ จึงอยากทำอะไรให้กับครอบครัวให้มากกว่าที่ผ่านมา
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ข่าวสดออนไลน์