เอ โผล่เคลียร์ข่าว โต้ฉกเด็ก พจน์ อานนท์ ทำใจเย็นบอกไม่โกรธที่โดนแฉ

เอ โผล่เคลียร์ข่าว โต้ฉกเด็ก พจน์ อานนท์ ทำใจเย็นบอกไม่โกรธที่โดนแฉ

เอ โผล่เคลียร์ข่าว โต้ฉกเด็ก พจน์ อานนท์ ทำใจเย็นบอกไม่โกรธที่โดนแฉ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอ ศุภชัย ผู้จัดการจอมฉาวโผล่เคลียร์ตัวเองแล้ว ปัดไม่ได้ฉกเด็ก พจน์ อานนท์ เชื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังพูดดีบอกไม่ถือโทษโกรธนักปั้นรุ่นพี่ที่ออกมาแฉ

หลังจากโดนผู้กำกับและนักปั้นรุ่นพี่อย่าง พจน์ อานนท์ ด่ากราดแฉว่าแท้จริงแล้ว เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการนักแสดงเบอร์หนึ่งอย่าง อั้ม-พัชราภา, ป๋อ, เวียร์ และอีกหลายคน ไม่ใช่ นักปั้นมือทอง อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นจอมฉกต่างหาก ทำให้ผู้จัดการเอต้องออกมาชิงตัดหน้าแถลงข่าว ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งนี้น้อมรับคำตำหนิจากพจน์ อีกทั้งอยากขอโอกาสได้เข้าไปอธิบาย เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า

"ต้องเรียนก่อนว่าพี่พจน์เป็นคนที่พี่เอนับถือมีปัญหาส่วนตัวของพี่เอ พี่พจน์ก็จะช่วยแก้เป็นที่ปรึกษา เมื่อเช้ามีน้องเล่าให้ฟังว่าพี่พจน์ออกมาพูดถึงพี่เอ ซึ่งเราก็ไม่เชื่อ เพราะพี่เอไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเพิ่งได้คุยกับพี่พจน์เมื่อไม่กี่วันนี้เอง แต่พอได้ดูรายการแล้วก็เห็นซึ่งก็จริงๆ ด้วย พี่ก็อยากคุยกับพี่พจน์มากคงเป็นการเข้าใจผิดกัน ก็เลยโทรไปหาพี่พจน์แต่เค้าไม่รับสาย ไม่รู้จะทำยังไงดี พยายามติดต่อไปยังคนรอบข้างพี่พจน์ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ"

ล่าสุดได้คุยอะไรกับพี่พจน์ ?

"เรื่องเริ่มต้นคือน้องหนู(คนซ้ายมือพี่เอ) เค้าจะคอยแนะนำน้องๆ หน้าตาดีให้ เมื่อก่อนเขาเคยทำงานอยู่โมเดลลิ่งนึง แต่ตอนนี้ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เขาเคยทำงานกับพี่พจน์แล้ว มีอยู่วันนึงน้องหนูเขาก็เอานิตยสารมาให้ดู มีรูปน้องๆ สิบกว่าคน ตัวพี่เอเองอยากสร้างเด็กรุ่นใหม่ๆ เหมือนเราให้โอกาสเขา พี่ก็ชี้ไปคนนี้น่าสนใจ แล้วก็บอกให้เขาเช็คให้ดีว่าเด็กของใคร น้องหนูก็บอกว่าพี่พจน์ซึ่งพี่เอก็โทรไปขออนุญาตพี่พจน์ตามกติกา มารยาท เพราะพี่เอรู้สึกว่าพี่พจน์เป็นพี่ที่เรานับถือ แล้วพี่พจน์เองก็เคยเอาน้องมาฝากถ้ามีอะไรเอาน้องคนนี้มาเล่นละครบ้างนะ เราก็เลยคิดว่าพี่พจน์น่าจะยินดีต้อนรับเราไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็เลยโทรไปหาพี่พจน์บอกว่าเห็นรูปเด็กพี่เขาอยู่ในหนังสือ พี่พจน์ก็ถามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็ตอบไปว่าเราทำอยู่สองอย่างคือละครกับพรีเซ็นเตอร์ พี่พจน์ก็บอกว่าขอดูก่อน แล้วก็วางไป พี่เอก็หันไปบอกกับพวกน้องหนูว่าคุยกับพี่พจน์ให้แล้วนะจะได้สบายใจ แต่น้องหนูดันโทรไปคุยกับน้องเขาก่อนแล้ว มาถึงตรงนี้ให้น้องหนูพูดเองจะดีกว่า"

น้องหนู : คือก่อนหน้านี้หนูเคยรู้จักกับน้องเขาอยู่แล้ว ก็เลยโทรไปบอกว่า น้องอั๋น (พีรวิชญ์ บุนนาค) ถ้าพี่มีงานเล็กๆ หลังจากที่อั๋นจบจากหนังเรื่อง นักเตะดินระเบิด แล้ว ถ้าไม่มีสัญญาอะไร รับงานเองได้มั้ย แล้วตอนนี้พี่ก็รู้จักกับพี่เอที่เป็นผู้จัดการอั้มนะ แล้วถ้าพี่เอเค้ามีงานดีๆ น้องพอจะรับได้มั้ย เขาก็บอกว่าได้เดี๋ยวผมไปปรึกษาพี่พจน์ก่อน เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าเก่าหนูเคยสนิทกับพี่พจน์ เขายังเคยพาหนูไปหาเด็กใหม่ๆ เลย แต่พอดีเด็กคนนี้พี่พจน์ไปเจอ แล้วหนูก็เลยนึกถึงก็เลยโทรไปหาแค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้จะฉก หนูไม่กล้าเสียมารยาทขนาดนั้น หนูเป็นคนโทรไปเองแล้วพี่เอก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย"

ใจจริงอยากเข้าไปเคลียร์กับพี่พจน์มั้ย ?

"อยากเคลียร์มากครับ อยากให้พี่พจน์ให้โอกาสมากครับ พี่เอไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอกกำลังมีคดีอยู่ด้วย พายุกำลังเข้าใครจะกล้าเอาเรือไปขวาง"

พี่พจน์พูดค่อนข้างแรงรู้สึกยังไงบ้าง ?

"เหมือนพ่อแม่ดุลูกแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าพี่พจน์จะคิดว่าพี่เป็นน้องเป็นลูกหรือเปล่า เขาดุเขาไม่ผิดเพราะเขาโตกว่า เหมือนกับดารารุ่นพี่ยังต้องสอนดารารุ่นน้องเลย ในสายอาชีพเดียวกันพี่เอโดนอะไรอย่างนี้ซะบ้างก็ดีเหมือนกันครับ จะได้ดูเป็นชีวิตจริงดี ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ"

พี่พจน์บอกว่าอยากให้พี่เอมีมารยาทในการทำงาน ให้รู้บ้างว่าเด็กใครเป็นเด็กใคร โกรธมั้ย ?

"ไม่โกรธครับ บางทีพี่พจน์อาจจะอยู่ในอารมณ์โกรธก็เลยพูดอย่างนั้นออกไป คงเป็นการเข้าใจผิด สิ่งที่พี่ทำอยู่เรารู้ว่าใครเป็นเจ้าของก็โทรไปขออนุญาตก็ถือว่ามีมารยาท แต่พอดีว่าเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่ผ่าน เหตุการณ์ที่พี่คุยกับพี่พจน์ แล้วน้องหนูได้คุยกับน้อง มาอาจทำให้พี่พจน์เข้าใจผิดได้ ซึ่งวันนั้นถ้าพี่เอไม่ได้คุยกับพี่พจน์ หนูเอาเด็กมาให้พี่เออาจจะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แล้วเรื่องมาแตกเอาตอนจบเลยทีเดียวเลย แต่นี่เริ่มต้นพี่เอก็โทรไปแล้วเพราะเราบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าพี่เออยากฉกเด็กจริงๆ ก็ต้องแอบซิครับ แต่นี่เราทำตามขั้นตอน บางทีคนที่สื่อสารอาจจะผิดพลาดครับ"

รู้สึกยังไงที่เขาพูดว่า เอไม่ใช่นักปั้นมือทอง แต่เป็นจอมฉกมากกว่า

"พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักปั้นมือทอง แต่พี่เอก็ไม่เคยฉกของๆ ใคร คิดอยู่เสมอว่าเราทำอาชีพนี้ด้วยใจรัก อยากให้ถามน้องๆ ที่พี่ทำงานด้วย ทั้ง ป๋อ วิน เวียร์ อั้ม ว่าพี่ไปฉกของๆ ใครมาบ้าง ทุกวันนี้มีคนเข้ามาหาพี่เยอะมาก จนพี่ต้องโทรไปเคลียร์กับต้นสังกัดเค้าว่าให้เคลียร์กันให้เรียบร้อยนะ เราอยากให้โอกาสทุกคน เพราะพี่ก็เหนื่อยใจกับการปฏิเสธคน บางครั้งความใจอ่อนมันนำมาสู่ความหายนะ แต่พี่ก็มีวิธีป้องกันตัวเอง แต่เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นคงเป็นปีชงของพี่มั้ง"

พี่พจน์บอกว่าพี่เอเล่าให้ฟังว่าที่แย่งมาริโอ้มาเพราะอยากแกล้งพี่โกโก้ ?

"ไม่มั้งครับ คงเป็นการเข้าใจผิด เพราะพี่เอไม่คิดจะแกล้งใคร คือวันนั้นพี่พจน์ส่งข้อความมาว่าพี่เอนั่งอยู่บนบัลลังก์แล้วจะลดตัวลงมาข้างล่างทำไม แล้วก็บอกว่าให้กำลังใจอยู่นะ พี่เอก็ได้พูดคุยกับพี่พจน์ว่าเอไม่ได้มีอะไร คงเป็นการเข้าใจผิดกัน เขาก็คงเอ็นดูเราขนาดเรามีปัญหาก็ยังโทรมาหาเรา"

ข่าวนี้มีผลกระทบกับชื่อเสียงพี่เอแค่ไหน ?

"กระทบมากๆ เลยครับ ทุกวันนี้เราทำงานกันเป็นครอบครัว ถ้าคนนึงเน่าคนอื่นๆ ก็เหมือน ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง พี่ก็เลยต้องออกมาแจกแจงให้ทุกคนรับทราบว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ใครจะด่าจะว่าพี่เอยังไงก็ได้สุดท้ายเราก็กลับไปอยู่นครศรีธรรมราชก็ได้ แต่นี่เราต้องมาอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนทั้งประเทศ พี่เลยต้องออกมาปกป้องตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับคนรอบข้างเรา"

รู้สึกยังไงที่คนมองว่าเป็นมาเฟียในวงการ ?

"เป็นคำที่น่ากลัวมากๆ พี่เอเป็นคนตัวเล็กๆ ธรรมดา เหมือนพี่พจน์ว่าพี่เอ ก็น้อมรับ ยอมให้ตี ถ้าพี่เอทำจริงก็สมควรจะโดนบอยคอร์ดไปเลย แต่นี่พี่เอออกมาว่าไม่ได้ทำ อยากให้พี่พจน์รับฟังตรงนี้"

ผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง ?

"ยังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่เลย แต่มีบางคำพูดที่พาดพิง ขอบอกเลยว่าพี่เอไม่มีอภิสิทธิ์ในการจะเอาเด็กเข้าไปเป็นพระเอกหรือนางเอก ที่ไหน ทุกอย่างทำตามขั้นตอน แต่สิ่งที่พี่จะทำมากกว่าคนอื่นคือพี่จะทุ่มทั้งกายทั้งใจเต็มที่ พี่พยายามหาเด็กใหม่ๆ มาเพื่อให้ประชาชนได้บริโภค พี่ไม่อยากเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า เหมือนตอนนี้พี่กำลังโดนลบด้วยเท้า"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook