ฟังอีกมุม ปมย้ายครูพละ ลงโทษเด็กด้วยการวิดพื้น

ฟังอีกมุม ปมย้ายครูพละ ลงโทษเด็กด้วยการวิดพื้น

ฟังอีกมุม ปมย้ายครูพละ ลงโทษเด็กด้วยการวิดพื้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(1 พ.ค.) เป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเด็กนักเรียนเข้าแถวยืนรอส่งคุณครูที่ถูกสั่งย้าย เนื่องจากผู้ปกครองนักเรียนร้องเรียนผู้อำนวยการโรงเรียนว่า ครูทำโทษนักเรียนด้วยการสั่งวิดพื้น จนเด็กมีบาดแผลที่ฝ่ามือ

อย่างไรก็ตาม มีการถกเถียงแต่กเป็นสองฝ่ายว่า วิธีดังกล่าวเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุจนเด็กเกิดบาดแผลที่มืออย่างรุนแรง ในขณะที่อีกด้านกลับคิดว่า การลงโทษด้วยการวิดพื้นไม่ได้รุนแรงมาก หากเทียบกันการลงโทษด้วยวิธีอื่น การสั่งย้ายครูจึงถือว่ามากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ที่เฟซบุ๊ก แก๊งยาหม่องหอม ได้มีการโพสต์ภาพระบุว่าเป็นบาดแผลพุพองที่มือของเด็กคนที่ถูกทำโทษ พร้อมข้อความเล่าถึงกรณีดังกล่าวว่า

"ขอชี้แจงเหตุการณ์ในครั้งนี้หน่อยนะครับ ณ คาบเรียนแรกวิชาพละ กลางแดดแรง มีเด็กนักเรียนห้องนึงได้โดนทำโทษ เพราะเข้าแถวผิด (เรียนครั้งเเรก ยืนผิดข้าง สลับชาย-หญิง)

การลงโทษก็คือให้ทำท่าเตรียมวิดพื้น นับ 1-20 แต่เนื่องด้วยสภาพเเวดล้อมที่ประจวบเหมาะ ความร้อนจากเเสงเเดด ทำให้พื้นสนามที่เป็นคอนกรีต สะสมความร้อนเอาไว้สูง เเละในขณะที่โดนทำโทษ เด็กก็เกิดอาการมือพองและบาดเจ็บที่มือ แต่ยังทำต่อจนครบเซต

เสร็จแล้วจึงได้แจ้งกับทางคุณครู ซึ่งคุณครูผู้สอนก็ตกใจ จึงให้เด็กไปทำแผลที่โรงพยาบาล (ผมคิดว่าครูไม่ได้ตั้งใจครับ เป็นการลงโทษปกติของท่าน ซึ่งเกิดประจวบเหมาะกับพื้นร้อน ๆ พอดี เหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น)

หลังจากนั้นเมื่อเด็กกลับถึงบ้าน ผู้ปกครองเห็นว่าการลงโทษนั้นมันเกินไป ซึ่งอันที่จริงคุณครูท่านมิได้เจตนาให้เป็นเช่นนี้ ผู้ปกครองจึงไปแจ้งฝ่ายบริหาร เพียงต้องการให้ทราบว่าเด็กเป็นเเบบนี้ และไม่ได้ต้องการให้ย้ายครู เเต่เด็กต้องการเปลี่ยนครูผู้สอนเท่านั้น

และสิ่งที่ทำให้ครูโดนย้าย คือคุณครูท่านติดทัณฑ์บนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว และได้มีการทำสัญญาต่อเขตเรื่องบทลงโทษและความประพฤติ พอมีเรื่องนี้เข้ามาเลยทำให้คุณครูท่านไปช่วยราชการที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ผู้ปกครองและนักเรียนมิได้มีเจตนาให้ครูได้รับการลงโทษทางวินัยเช่นนี้ ต้องการแค่เพียงเปลี่ยนครูผู้สอนเท่านั้น #จากข้อมูลที่มีไม่รับรองความจริง 100 % เเต่นี่คือข้อมูลที่เค้าตอบตรงกัน

ความจริงเรื่องครั้งนี้ไม่มีฝ่ายไหนอยากให้เกิดขึ้น ขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ **มีการแก้ไขข้อมูลตามที่มีน้องทักท้วงมานะครับ**"

จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายกิตติ บุญเชิด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายใน 1 เดือน พร้อมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก แก๊งยาหม่องหอม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook