"ครูเอี้ยง" เหยื่อสามีจุดไฟเผา ถูกยักยอกเงินบริจาค 3 ล้านกว่า

"ครูเอี้ยง" เหยื่อสามีจุดไฟเผา ถูกยักยอกเงินบริจาค 3 ล้านกว่า

"ครูเอี้ยง" เหยื่อสามีจุดไฟเผา ถูกยักยอกเงินบริจาค 3 ล้านกว่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.50 น.วันที่ 5 มิถุนายน ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม นางดวงจิตต์ สีลาจันทร์ (บุญพระ) หรือ ครูเอี้ยง เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว ถูกสามีใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2555 พร้อมนายพีรภูมิ สีลาจันทร์ (บุญพระ) ลูกชาย เปิดเผยว่า

เมื่อมีนาคมที่ผ่านมาที่ได้ แจ้งความดำเนินคดีกับ นางวิไลวรรณ สาลิกา อายุ 57 ปี เพื่อนครู ที่รับผิดชอบดูแลบัญชีบริจาคช่วยเหลือตนเอง ร่วมกับลูกชาย ต่อ พ.ต.ท.ชาญยุทธ เสมอจิตต์ พนักงาน สภ.โพรงมะเดื่อ ในข้อหายักยอกทรัพย์ และวันนี้อัยการได้นัดส่งตัวนางวิไลวรรณ เพื่อส่งฟ้องศาลจังหวัดนครปฐม

ด้าน นายวรวุฒิ วัฒนอุตถานนท์ อัยการจังหวัดคดีศาลแขวงนครปฐม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ยักยอกทรัพย์ผู้อื่น โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่จากรูปคดี และพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนค่อนข้างแน่นหนา ที่จะพิจารณาสั่งฟ้องได้ เราก็ฟ้องตามข้อกล่าวหา แต่ผู้ต้องหาเขาก็มีสิทธิไปโต้แย้งในชั้นศาลได้ โดยเบื้องต้นในวันนี้ได้ส่งฟ้องในข้อหายักยอกทรัพย์ ทั้งสิ้น 17 กรรมฐานความผิด

ด้านนางวิไลวรรณ ผู้ถูกกล่าวหา ให้การยอมรับว่าเป็นผู้นำเงินบริจาคส่วนนั้นไปจริง เพื่อนำไปลงทุน และโดนหลอกจนหมดตัว ยอมรับผิดทุกอย่าง พร้อมจะยินดีผ่อนใช้คืนให้

นางดวงจิตต์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมพ.ศ.2555 นายจรัล บุญพระ อายุ 49 ปี สามี ใช้นำมันราดตนเอง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม แล้วส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช

และหลังจากข่าวการถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณถูกแพร่สะพัด ได้มีประชาชนให้ความเมตตา และสงสาร ช่วยเหลือบริจาคเงินเป็นค่ารักษาพยาบาล ผ่านบัญชีธนาคารฯเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท เข้าชื่อ นายพีรภูมิ สีลาจันทร์ (บุญพระ) ลูกชาย และ นางวิไลวรรณ สาลิกา หรือ ครูอ้วน เพื่อนครู เป็นผู้มีสิทธิลงลายมือชื่อ ในการเบิกจ่ายร่วมกันทุกครั้งที่มีใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล

ซึ่งในขณะที่ตัวเองยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เงินบริจาคช่วยเหลือกว่า 5 ล้านบาทนั้น ได้ให้เพื่อนครูฝ่ายธุรการ ของโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ เป็นผู้ดูแลบัญชีเงินบริจาค โดยมีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามใบเสร็จจริง เป็นเงินกว่า 1.9 ล้านบาท ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี

กระทั่งเพื่อนครูฝ่ายธุรการคนนั้นได้ย้ายออกไป ทางผู้บริหารโรงเรียนฯ จึงได้มอบหมายให้นางวิไลวรรณ สาลิกา หรือ ครูอ้วน ครูสอนการงานอาชีพ ซึ่งเป็นครูสอนลูกชาย เป็นผู้ดูแลบัญชีเงินฝากที่เหลือจำนวน 3,226,739.79 บาท โดยใช้ชื่อร่วมกับลูกชาย

ซึ่งต่อมานางวิไลวรรณ ได้ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เรามีให้ หลอกให้ลูกชายเซ็นใบเบิกทิ้งไว้หลายใบ โดยไม่ได้ระบุจำนวนตัวเลข โดยอ้างว่าเรื่องการเปลี่ยนนามสกุล แต่ตนและลูกชายก็ไม่ได้รับเงินเลย จึงได้สอบถามไปยังนางวิไลวรรณหรือครูอ้วน ซึ่งนางวิไลวรรณ กลับบอกว่า "เงินหมดแล้ว ไม่มีแล้ว"

เมื่อตนถามถึงเอกสารในการเบิกจ่ายครูอ้วนก็ปฏิเสธว่าไม่มี เอกสารหายไปหมดแล้ว ตนจึงได้พาครูอ้วนไปแจ้งความเอกสารหาย และนำเอกสารการแจ้งความไปติดต่อธนาคารเพื่อขอดูรายการเบิกจ่าย และยอดเงินคงเหลือ จึงพบว่าเงินได้ถูกถอนไปหมดแล้วเหลือเพียง 862.88 บาทเท่านั้น

ครูเอี้ยง กล่าวอีกว่า วันเดียวกันนั้นนางวิไลวรรณ หรือ ครูอ้วน ได้รับสารภาพและเขียนเอกสาร ยอมรับสารภาพ ว่านำเงินไปใช้เอง พร้อมระบุว่ายินดีผ่อนใช้หลังลาออกจากการเป็นครู โดยขอเวลาในการผ่อนชำระเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งหลังจากนั้นครูอ้วนก็ได้ลาออก ไปแล้วเมื่อเดือนมีนคมที่ผ่านมา แต่ไม่ยอมนำเงินมาคืนให้ตามที่สัญญาไว้ในเอกสารตนจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook