เจ้าของงาช้างล็อตใหญ่ ย่านนนทบุรี เข้าร้องขอความเป็นธรรม

เจ้าของงาช้างล็อตใหญ่ ย่านนนทบุรี เข้าร้องขอความเป็นธรรม

เจ้าของงาช้างล็อตใหญ่ ย่านนนทบุรี เข้าร้องขอความเป็นธรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่ตำรวจเข้าค้นบ้านแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี พร้อมกล่าวหาว่า ซุกซ่อนและลักลอบจำหน่ายงาช้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุด นักอนุรักษ์ช้างไทยเข้าร้องสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม เพื่อขอความเป็นธรรม

นายดุลสิทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นบุตรชายของ หม่อมเจ้ารังสีนภดล ยุคล และเป็นเจ้าของบ้าน, นายประเสริฐ ศรียรรยงค์ เจ้าของงาช้าง และ นายพิบูลย์ ประจงใจ ทนายความ ได้เดินทางเข้าร้องเรียนนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อขอความเป็นธรรมที่ตกเป็นจำเลยสังคม จากกรณี เจ้าหน้าที่นำหมายค้นเข้าตรวจสอบอพาร์ทเมนต์ใน ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี พบว่า สถานที่ดังกล่าวเก็บ ซากสัตว์ งาช้าง และ เขาสัตว์ จำนวนมาก ซึ่งภายหลังการตรวจสอบ นายประเสริฐ มีเอกสารแสดงการครอบครองถูกต้อง จนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลเพิกถอนหมายค้นดังกล่าว

พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ด้วงพูลอนันต์ รองผู้กำกับการ ศูนย์เฉพาะกิจปฏิบัติการปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบิกความว่า หลังได้เข้าตรวจค้น สำรวจ และนับจำนวนติดป้ายหมายเลขกำกับงาช้างและซากสัตว์ป่าแล้วเสร็จ และให้ผู้เชี่ยวชาญของกรมอุทยานฯ มาชี้ชัด

ด้าน นายประเสริฐ เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตำรวจขอหมายมาค้นที่บ้านพักถึง 8 ใบ กล่าวหาว่า ซุกซ่อน ลักลอบจำหน่ายงาช้างและนอแรดให้ชาวต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อตนมีเอกสารการครอบครองถูกต้องทั้งหมด เจ้าหน้าที่กลับจะมาเอาผิดตรงจำนวนการครอบครองซึ่งไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ โดยเมื่อปี 2533 เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ แล้วถูกลักเอาเขาสัตว์ไปจำนวนหลายชิ้นมูลค่ารวม 200 กว่าล้านบาท มีการแจ้งความไว้ แต่จับไม่ได้และไม่ได้ของคืน รวมถึงมีการฆ่าตัดตอนคนที่เกี่ยวข้องไปรวม 13 ศพ

ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เนื่องจากตนได้รับแจ้งจากกรมอุทยานฯ ว่า มีการครอบครองงาช้างและสิ่งต้องห้าม ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองฯ จึงได้ให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายค้นจากศาล แล้วเข้าไปทำการตรวจค้น ว่ามีการครอบครองสิ่งต้องห้ามจริงหรือไม่ ซึ่งหากการตรวจค้น พบว่า มีชิ้นไหน ได้มาไม่ถูกต้อง ก็จะต้องว่ากันตามกรอบข้อกฎหมาย แต่ถ้าชิ้นไหนได้มาถูกต้องและได้มีเอกสารที่สำแดงถูกต้อง ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร ดังนั้น ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด นอกเหนือจากการทำการตรวจสอบตามที่ทางกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์แจ้งมา จึงได้เข้าดำเนินการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวตามขั้นตอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook