"เพชร พิ้งกี้" กู้ศักดิ์ศรี ลั่น "ซูซี่" ต้องขอโทษออกสื่อ
นางเอกสาว "พิ้งกี้ สาวิกา" ควงสามีหนุ่ม "เพชร อิทธิ ชวลิตธำรง" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงกรณียกเลิกโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง "Hugger Mugger" กลางคัน หลังยกกองไปทำไกลถึงประเทศฝรั่งเศส แถมหนึ่งในนักแสดงนำของเรื่องอย่าง "ซูซี่ สุษิรา แน่นหนา" ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าตนเองยังไม่ได้รับเงินค่าตัวครึ่งหลังจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวอีกด้วย!!
ซึ่งงานนี้ทั้งสาว พิงกี้ และ หนุ่มเพชร ได้ชี้ข้อเท็จจริงให้เราฟังว่า สาเหตุที่ต้องยุติการถ่ายทำเป็นเพราะตนไม่มีความสามารถในการสานต่อภาพยนตร์ให้สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนกรณีที่ยังไม่ได้มีการชำระเงินค่าตัวนั้น ทั้งคู่ขอยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิดหมดทั้งสิ้น พร้อมออกปากให้นักแสดงสาวคนดังกล่าวออกมาขอโทษผ่านสื่ออย่างเป็นทางการเพื่อจบปัญหาเป็นลำดับต่อไป...
เพชร "สิ่งที่ผมพูดวันนี้ผมไม่ได้นะตอบโต้ใครนะครับ ผมแค่อยากจะชี้แจงในส่วนที่หลายคนสงสัยเท่านั้น เรื่องแรกเลยถามว่าผมเบี้ยวค่าตัวไหม จริงๆ แล้วผมจ่ายนักแสดงทุกท่านไปจนหมดแล้ว เหลือแค่คุณซูซี่เพียงคนเดียว ที่เพิ่งจะติดต่อมาเมื่อเช้านี้ว่าจะเข้ามารับเงินภายในเวลา 4 โมงเย็น
ซึ่งตัวเองผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณซูซี่เข้าใจผิดว่าผมเบี้ยวเงิน เนื่องจากผมเพิ่งรู้ว่าการทำเช็คไว้และให้เขาเดินเข้ามาเก็บเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะตอนเซ็นสัญญาและรับเงินครึ่งแรกเขามารับที่บริษัทผม ยังไงก็ต้องขอโทษเบื้องต้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย
แต่การที่คุณซูซี่บอกว่าผมเบี้ยวเงินมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรออกมาพูดออกสื่อนะครับ เพราะมันอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ และคนก็อาจจะมองว่าผมกับภรรยาขี้โกง ซึ่งเรื่องตรงนี้ผมสามารถเอาไปปกป้องตัวเองในศาลได้นะครับ แต่ผมคงไม่ทำให้เรื่องมันบานปลาย เพราะผมแค่อยากให้คุณซูซี่ออกมาขอโทษผ่านสื่อเท่านั้น ส่วนจะเข้ามารับเช็คด้วยตัวเองเมื่อไหร่ยังไงนั้นแล้วแต่สะดวกเลย"
เพราะอะไรถึงทำให้เขาคิดว่าเราโกงค่าตัว ?
เพชร "ผมก็ไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของเขานะครับ แต่ทางฝั่งผมไม่มีเจตนาใดๆ ทั่งสิ้นที่จะไม่จ่ายเงินคุณซูซี่แน่นอน"
แสดงว่าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเข้ามาเอาเงิน ?
เพชร "เขาไม่เคยเข้ามาเลยครับ แต่เคยมีคนติดต่อเข้ามาซึ่งผมไม่รู้จัก ผมก็เลยบอกทางบัญชีไปว่าถ้าหากเขาจะเข้ามาเอาเงินให้นำใบมอบอำนาจมาด้วย เพราะผมรู้จักแค่ผู้จัดการส่วนตัวของเรากับคุณซูซี่แค่สองคน"
แต่เขาบอกนะว่าเขาติดต่อแล้วแต่เราเองที่เป็นฝ่ายเงียบหายไป ?
เพชร "เอ่อ...ผมคิดว่าบางอย่างที่พูดมันน่าจะสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ผมเพิ่งแจ้งให้ทราบไป"
แล้วทางฝั่งพี่เพชรเคยติดต่อไปทางเขาเองบ้างไหม ?
เพชร "ผมอยากให้มองว่าเมื่อคนเรามีนิติสัมพันธ์กัน เวลาใครทำอะไรให้ถึงเวลาก็ต้องเข้ามารับเป็นเรื่องปกติถูกไหมครับ แต่เขาเองไม่เคยติดต่อเข้ามาเลย"
พอจะบอกได้ไหมว่าเงินก้อนนี้มีมูลค่าสักประมาณเท่าไหร่ ?
เพชร "หลักแสนต้นๆ เองครับ ไม่ได้อะไรมากมาย"
แล้วในส่วนของหนังที่ทำไว้ตั้งใจไหมว่าจะเริ่มกลับมาถ่ายทำอีกเมื่อไหร่ ?
เพชร "สำหรับประเด็นนี้ผมต้องขอประจานตัวผมเองและภรรยาเลยครับว่าเราสองคนไร้ซึ่งความสามารถ ไม่สามารถจัดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อไปได้จริงๆ ซึ่งเหตุผลหลักไม่ใช่เพราะเรื่องเงินทุน แต่เป็นเพราะหนังมันต้องมีการรีชู๊ตหลายหนมาก ยกตัวอย่างเลยนะครับ (โชว์หลักฐาน) ตอนแรกถ่ายนักแสดงไม่มีการใส่เอียร์มัฟ แต่อีกวันอากาศมันเย็นหรือยังไงก็ไม่ทราบนักแสดงเกิดอยากจะใส่ขึ้นมา จนทำให้ช็อตที่ถ่ายมาก่อนไม่สามารถใช้งานได้"
ในเมื่อเราเองก็เป็นผู้จัดทำไมเราถึงไม่สามารถบอกนักแสดงในเรื่องให้ควรทำหรือไม่ทำอะไร ?
เพชร - "ถ้าจะพูดถึงกรณีนี้ ก็อย่างที่บอกครับเป็นความผิดของผมเอง และตัวผมก็ไม่สามารถบังคับจิตใจคนให้เขาทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้ ผมเคารพการตัดสินใจของเขาครับ"
เท่าที่ฟังดูเหมือนว่าปัญหาส่วนหนึ่งก็จะมาจากตัวนางเอก ?
เพชร "ผมขอใช้คำว่า "ผมเป็นคนตกลงใจให้เขาเปลี่ยน เพื่อที่จะให้มีการถ่ายทำได้" ผมขอรับความผิดไว้ก่อนกึ่งหนึ่งดีกว่าครับ จริงๆ เรื่องนี้ผมไม่อยากจะนำมาพูดหรือบอกนะครับว่าเพราะอะไร เนื่องจากผมถือว่ามันเป็นความน่าอับอายของผมและภรรยา"
ก่อนหน้านี้เราได้อธิบายให้เขาฟังไหมว่าทำไมถึงยุติการถ่ายทำ ?
เพชร "ผมบอกไปทางผู้จัดการเขาก่อนหน้านี้แล้วนะครับ และก็บอกเขาไปด้วยว่าถึงเวลาให้มารับเงินได้เลย แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลยจนกระทั้งถึงช่วงสงกรานต์มีคนชื่อกุ้งติดต่อเข้ามาว่าจะรับเงิน แต่ผมไม่รู้จักผมจึงไม่ปล่อยเงินให้ ถ้าจะเข้ามาเอาต้องนำใบมอบอำนาจมาด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่รู้เขาไปสื่อสารกับดาราเขายังไงเรื่องถึงได้ออกมาแบบที่เห็น"
คิดว่าหนังเรื่องนี้จะสามารถกลับมาถ่ายทำต่อได้ไหม ?
พิ้งกี้ "คงไม่สามารถไปต่อได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้เราสองคนได้เริ่มโปรเจคใหม่อย่างเงียบๆ เป็นงานเกี่ยวกับหนังสือและก็ละครค่ะ"
มูลค่าความเสียหายของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเงินเท่าไหร่ ?
เพชร "รวมๆ แล้วก็มูลค่าประมาณ 8 หลักครับ"
หลักๆ ก็คือพี่เพชรอยากให้ซูซี่เขาออกมาขอโทษผ่านสื่อ ?
เพชร "จริงๆ ผมรู้สึกผิดหวังกับคุณซูซี่ที่มีทัศนติเช่นนี้กับบริษัทของผมนะครับ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยโกงไม่เคยบ่ายเบี่ยงเลย เงินรอเขาอยู่ที่บริษัทผมตลอด และตรงๆ ผมให้เงินก่อนได้เลยครับ แต่คุณต้องขอโทษผมต่อหน้าสื่อมวลชนแค่นั้น เนื่องจากคุณพูดถึงผมต่อหน้าสื่อ และสิ่งที่คุณซูซี่พูดจนทำให้คนเข้าใจผิดมันไม่สามารถเรียกคืนได้ ดังนั้นผมต้องออกมาปกป้องสิทธิของและชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดในวันนี้"
หลังจากนี้ถ้าเรื่องจบและเขาขอโทษ จะยังสามารถร่วมงานกันได้อยู่ไหม ?
เพชร "ผมสะดวกใจอย่างยิ่งครับที่จะร่วมงานกับคุณซูซี่ (ยิ้ม)"
ในส่วนของกรณีที่มีคนบอกว่าดาราเบี้ยวค่าแต่งงานคือคู่เรา เรารู้สึกยังไง ?
เพชร "เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมากครับสำหรับผม เพราะคนเขียน เขียนออกมาเหมือนกำลังใบ้หวย ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาทั้งหมดและโยงว่าเป็นคู่ผมนั้น ผมยืนยันนะครับว่าผมจ่ายไปหมดแล้ว การดำเนินงานทุกอย่างราบรื่นแฮปปี้มากครับ"
เรื่องนี้ส่งผลกระทบอะไรกับคู่เราบ้าง ?
เพชร "ผมมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระครับ เพราะเราไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ"
พิ้งกี้ "เราก็ตีความเหมือนกันนะว่าเป็นคู่ใคร (หัวเราะ)"
แล้วเรื่องมีน้องตอนนี้พอจะมีลุ้นบ้าวหรือยัง ?
พิ้งกี้ "อาจจะดูเหมือนว่ามีน้องเพราะพิ้งกี้อ้วนขึ้น แต่ยังไม่มีนะคะ"
เพชร "จริงๆ เราก็ปล่อยธรรมชาติตลอดนะครับ แต่ในเมื่อธรรมชาติไม่อำนวย ก็คงต้องพึ่งวิธีทางวิทยาศาสตร์เป็นลำดับต่อไป แต่หวังว่าปลายปีนี้ทุกคนน่าจะได้ยินข่าวดีครับ"
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ