งานเข้าร้านแต่งรถ! สั่งขึ้นบัญชีด่วน เร่งทำประวัติเด็กแว้น
กก.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นัดถกวันนี้ เคาะมาตรการคุมผับร้านเหล้าบริเวณรอบสถานศึกษา โฆษก ตร.เผยเล็งขึ้นทะเบียนร้านแต่งรถ
เมื่อวานนี้ (17 มิถุนายน) นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 18 มิถุนายน คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธาน จะพิจารณามาตรการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ขณะนี้มีข้อมูลต่างๆ พร้อม ทั้งสถานการณ์ปัญหา การวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สำนักงานพัฒนานโยบายระหว่างประเทศ (ไอเอชพีพี) และงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย จะสรุปและนำเสนอคณะ กรรมการฯ โดยจะเร่งจัดทำร่างประกาศนโยบายเพื่อควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ซึ่งคณะกรรมการฯ จะตัดสินใจว่าจะเริ่มใช้มาตรการกับสถานศึกษาในระดับใดบ้าง
"ขณะนี้ถือว่ามีข้อมูลเพียงพอที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะตัดสินใจว่าจะออกร่างประกาศเพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีรองนายกฯเป็นประธาน เชื่อว่าคณะกรรมการจะตัดสินใจให้ได้ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล" นพ.สมานกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม มาตราดังกล่าวสามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 27 ออกมาตรการมาดูแลได้
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาเยาวชนแข่งรถในทางสาธารณะหรือเด็กแว้นว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังบูรณาการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างเต็มที่ ในส่วน พม.เน้นแก้ปัญหาเชิงสังคม โดยจะใช้สภาเด็กและเยาวชน ซึ่งมีทั้งระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เป็นแกนนำในการนำเด็กและเยาวชนในพื้นที่มาร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงการรณรงค์ให้เห็นถึงต้นแบบของเยาวชน ที่ดี เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ขณะเดียวกันจะจัดทำคู่มือการเลี้ยงดูบุตรหลานอย่างถูกวิธีและเหมาะสมให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการตรวจสอบและจัดทำทะเบียนประวัติเด็กกลุ่มเสี่ยง เพื่อนำเด็กเหล่านี้มาอบรมพัฒนา
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า พม.ไม่ได้เสนอให้มีการสร้างสนามแข่งขันรถสำหรับเด็กแว้นเหล่านี้ เพียงแต่เป็นข้อเสนอในที่ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการเสนอว่าในระยะยาวมีความเป็นได้หรือไม่ที่จะนำพื้นที่ที่มีอยู่มาจัดกิจกรรมทั้งเชิงอบรมให้ความรู้ถึงกฎกติกาในการขับขี่ รวมถึงอาจเป็นสนามการแข่งขันให้กับเด็ก เป็นการดึงศักยภาพของเด็กมาแสดงออกในเชิงบวก เป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องศึกษารายละเอียดถึงความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เป็นการสร้างสนามใหม่ให้เด็กแว้น มาแข่งขันกัน
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษก ตร. กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากลุ่มวัยรุ่นแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะว่า จะมีการขึ้นทะเบียนร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์รวมไปถึงรถยนต์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมีการตรวจสอบภาษีผู้ประกอบการที่มีส่วนสนับสนุนการแข่งรถบนทางสาธารณะ เพราะผู้ประกอบการบางส่วนเป็นผู้สนับสนุนให้มีการแข่งรถ เป็นออแกไนเซอร์จัดการแข่ง สำรวจเส้นทาง รวมไปถึงประชาสัมพันธ์การจัดแข่งรถ เพื่อผลประโยชน์ในการค้า
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ส่วนการนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาแก้ไขปัญหานี้ เชื่อว่าจะทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น สามารถระงับยับยั้งการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นก่อนจะแข่งขันรถจักรยานยนต์ได้ เพราะที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายทำได้เพียงติดตามจับหลังกระทำความผิดแล้ว
ที่บริเวณถนนศรีจันทร์ หน้าโรงเรียนชุมชนบ้านหนองใหญ่ เขตเทศบาลนครขอนแก่น พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจตั้งด่านตรวจเพื่อป้องปรามปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และเด็กแว้นตามนโยบายของรัฐบาล
พ.ต.ท.อนุศักดิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับกุมกลุ่มเด็กแว้นที่ขี่รถจักรยานยนต์ส่งเสียงดังหรือรวมกลุ่มกันขับรถหวาดเสียวสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชนและผู้สัญจรไปมาตามถนนสายหลัก โดยตั้งด่านตรวจตามจุดต่างๆ ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่นอย่างเข้มงวดทุกคืน นอกจากนี้ จะจัดกำลังรถตำรวจสายตรวจตามเส้นทางถนนเลี่ยงเมืองซึ่งเป็นอีกจุดที่มักมี การรวมตัวกัน ขณะเดียวกันจะตรวจเข้มร้านต่างๆ ที่รับตกแต่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งมักเป็นจุดมั่วสุมรวมตัวของเด็กแว้นด้วย
"จะรวบรวมข้อมูลเด็กแว้นทุกกลุ่มในพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาต้นเหตุของกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ชอบแข่งรถ ขณะนี้ตั้งจุดแบบดาวกระจายครอบคลุมทุกเส้นทาง โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 23.00-04.00 น.ทุกวัน ขณะเดียวกันยังกำชับผู้ปกครองของเด็กกลุ่มเป้าหมายด้วยว่าหากบุตรหลานถูกจับกุม ผู้ปกครองจะมีความผิดด้วยเช่นกัน" พ.ต.ท. อนุศักดิ์กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา กล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละพื้นที่ตรวจสอบว่าผู้ใดตั้งกลุ่มแจ้งการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มเหล่านี้พอๆ กับใน จ.เชียงใหม่ กลุ่มคนเหล่านี้อาจคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกัน แต่เป็นเรื่องที่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งกระทบกับประชาชน เพราะด่านที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งนอกจากเพื่อกวดขันวินัยจราจรแล้วยังเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมต่างๆ หากมีกลุ่มคนร้ายรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านที่จุดไหนก็จะหลบหลีกการตรวจค้น เช่นเดียวกันกับจุดตรวจเป่าวัดแอลกอฮอล์ ที่หลบหลีกด่านก็อาจไปเกิดอุบัติเหตุในจุดอื่นทำให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้
"อยากขอให้ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ขอให้หยุดเผยแพร่การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนี้จะประสานให้ผู้ก่อตั้งแต่ละกลุ่มมาพูดคุยเพื่อขอให้ปิด เพื่อไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากผู้ใดยังฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน" พล.ต.ต.ฐากูรกล่าว