ญี่ปุ่นสั่งห้ามเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจถูกแจ้งข้อหาในไทยด้วย

ญี่ปุ่นสั่งห้ามเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจถูกแจ้งข้อหาในไทยด้วย

ญี่ปุ่นสั่งห้ามเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจถูกแจ้งข้อหาในไทยด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

27 มิ.ย. - ญี่ปุ่นสั่งห้ามเยี่ยม "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ขณะที่อาจถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในไทยด้วย หากพบนำปืนออกจากประเทศโดยไม่ขออนุญาตจริง

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อัยการญี่ปุ่นได้รับสำนวนคดีไว้พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้อง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนคดีตามกรอบระยะเวลาควบคุมตัวคือ 10 วัน และหากยังไม่เสร็จสามารถขอควบคุมตัวเพิ่มได้อีก 10 วัน แต่จะไม่เกิน 20 วันตามกฎหมายญี่ปุ่น

ขณะนี้ ตำรวจญี่ปุ่นได้นำอาวุธปืนนอร์ท อเมริกัน .22 ไปตรวจสอบที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานของตำรวจญี่ปุ่น เพื่อทดสอบอานุภาพความรุนแรงว่ามากน้อยแค่ไหน และถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลการตรวจสอบทั้งหมดสรุปเสนอให้อัยการญี่ปุ่นพิจารณาประกอบสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง

ทั้งนี้ การเดินทางของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้รับคำเชิญจากบริษัท ฮิตาชิ เพื่อศึกษาดูงานการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่จะสร้างขึ้นข้างมูลนิธิของ อดีต ผบช.น. โดยมีกลุ่มของรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ปลัดจังหวัด ท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นอีกจำนวนมาก ร่วมคณะไปด้วย

มีรายงานว่า นายตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง หรือโบว์ลิ่ง ลูกชาย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจนาริตะ แต่ไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีที่มีอัตราโทษสูง รวมทั้งไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด

ตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับอาวุธปืนมีโทษหนัก ประชาชนไม่สามารถที่จะพกพาหรือมีไว้ในความครอบครองได้ แต่จะอนุญาตให้ประชาชนในบางจังหวัดมีไว้ในความครอบครองได้ คือ ปืนยาวที่ใช้ล่าสัตว์และใช้ฤดูกาลล่าสัตว์เท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะสามารถครอบครองอาวุธปืนประเภทนี้ได้ต้องอายุเกิน 20 ปีขึ้นไป และต้องมีการตรวจสุขร่างกายและสภาพจิตใจ ต้องเข้ารับการอบรมตามกฎหมาย และเมื่อก่อนถึงฤดูกาลล่าสัตว์จะต้องถูกอบรมทุกครั้ง อีกประเภทหนึ่งคือ เป็นปืนที่ใช้สำหรับการกีฬา แหล่งข่าวระบุว่า กรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แม้ว่าจะอ้างไม่มีเจตนาและลืมไว้ แต่การพกพาเข้าไปในเขตท่าอากาศยานและอยู่ระหว่างการเตรียมตัวที่จะขึ้นเครื่องบิน กลับถือว่าเป็นเรื่องรุนแรงสำหรับประเทศญี่ปุ่น

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ขั้นตอนการตรวจค้นก่อนขึ้นเครื่องบิน เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจคนออกนอกประเทศ และจากการตรวจสอบหลักฐานกระเป๋าถือและสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินไม่พบอาวุธหรือวัตถุอันตราย

ส่วนเครื่องเอกซเรย์วัตถุอันตรายซีทีเอ็กซ์ 9400 เครื่องยังได้มาตรฐาน แม้จะผ่านการใช้งานมาแล้ว 10 ปี โดยมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอทุกปี การตรวจสอบครั้งล่าสุด เมื่อปลายปี 2557 และได้รับการรับรองว่าเครื่องยังมีประสิทธิภาพ ส่วนกรณีภาพที่บันทึกไว้ได้เพียง 3 วัน หลังจากนี้จำเป็นจะต้องดูหลักฐานจากประจักษ์พยานตัวบุคคล ซึ่งกรณีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ เพราะต่อไปอาจจะถูกจับตามองมากขึ้น

กรมการบินพลเรือน (บพ.) ชี้แจงโทษกรณีนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนขึ้นเครื่องบินโดยไม่ขออนุญาต มีความผิดตามจะเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.เดินอากาศ พ.ศ. 2497 ในมาตรา 26 ระบุว่าการนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุน เดินทางขึ้นอากาศยานนั้น ต้องมีการแจ้งขออนุญาตกับเจ้าพนักงาน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 80,000 บาท โดยกรณีอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไทยถูกจับที่ญี่ปุ่น ผู้เสียหายคือ บมจ.การบินไทย และต้องดำเนินคดี ทั้งผู้นำอาวุธไป และ ทอท.ผู้ตรวจค้น

ทั้งนี้ การบินไทยมีระเบียบขั้นตอนตามมาตรฐานสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA: International Air Transport Association) ผู้โดยสารจะต้องทำเอกสารขออนุญาตนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินมายื่นให้บริษัทฯ พิจารณาล่วงหน้า โดยจะต้องแจ้งเหตุผลอันสมควรที่จะนำอาวุธปืนออกไปนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬายิงปืนที่จะนำไปใช้ในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับอนุญาตให้นำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง บริษัทฯ ให้นำไปโหลดไว้ในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น และไม่อนุญาตให้นำพกติดตัวขึ้นไปอยู่ในห้องโดยสารบนเครื่องบินทุกกรณี นอกจากนี้ การนำอาวุธไปกับเครื่องบินโดยสารต้องแจ้งให้ท่าอากาศยานทุกประเทศทั้งต้นทางและปลายทางรับทราบ และต้องผ่านการตรวจค้นโดยท่าอากาศยานของแต่ละประเทศ

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการตรวจพบอาวุธปืนที่ผู้โดยสารจะนำขึ้นเครื่องบินนั้น ผู้โดยสารท่านดังกล่าวมิได้มีการขออนุญาตนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับแต่อย่างใด - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook