ชาวบ้านเฝ้า 24 ชม. ห้าม "พระเลือดพระธาตุ" กลับเข้าวัด
(22 ก.ค.) จากกรณีมีผู้โพสต์ในโซเชียล ภาพ "พระอาจารย์ชา" อายุ 39 ปี เจ้าอาวาสวัดวังหอมพุทธาราม จ.นครศรีธรรมราช มีเหงื่อและเลือดไหลออกมาจากผิวหนังกลายเป็นพระธาตุ เป็นเม็ดคล้ายลูกแก้วเล็กๆ สีแดง สีชมพู จนญาติโยมได้เก็บเม็ดเหงื่อและเลือดไปกราบไหว้บูชาเพราะเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ต่อมามีการโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่นั้น
ทั้งนี้ อาจารย์จากม.เกษตรศาสตร์ ได้นำตัวอย่างเม็ดสีแดงดังกล่าวมาตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเม็ดดังกล่าวเป็นเรซิ่น ไม่มีส่วนประกอบที่มาจากร่างกายมนุษย์แต่อย่างใด (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อาจารย์ ม.เกษตร โชว์ผลตรวจ "เลือดพระธาตุ")
ล่าสุดชาวบ้านอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช กว่า 500 คน รวมตัวขับไล่พระอาจารย์ชา ระบุว่าไม่ใช่แค่อ้างเหงื่อไหลเป็นพระธาตุ แต่ยังบอกว่าสามารถระลึกชาติได้ มีญาณวิเศษสื่อสารกับเทพเจ้า เทวดา วิญญาณ หรือภูตผีต่างๆ
ล่าสุดยังใช้สถานที่เก็บร่างอดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพหลายปีก่อน ไปทำเป็นโรงเก็บฟางเลี้ยงม้า จนชาวบ้านต้องเข้าไปรื้อถอนด้วยความไม่พอใจ ทำให้ทหาร มทบ.41 และตำรวจ สภ.ชะอวด ต้องเข้าไปกันตัวพระอาจารย์ชาออกมา ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้ มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือขอให้พระอาจารย์ชาออกจากวัดไป
การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย มีขึ้นหลายรอบ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ จู่ๆ มารดาพระอาจารย์ชา ซึ่งเป็นภิกษุณีที่อาศัยอยู่ในวัดดังกล่าว ก็เดินฝ่าวงเจรจาในสภาพที่มือสั่น อ้างเป็นร่างทรงหลวงพ่อแสง อดีตเจ้าอาวาส มาขอร้องให้พระอาจารย์ชาอยู่พัฒนาวัดต่อไป แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ
ต่อมา ทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าคณะตำบล ต้องเป็นตัวกลางร่วมไกล่เกลี่ยให้พระอาจารย์ชาออกจากวัด และให้ไปจำวัดชั่วคราวกับเจ้าคณะตำบลเป็นการชั่วคราวก่อน จนที่สุดพระอาจารย์ชาต้องจำยอม และหายตัวไปจากวัดตั้งแต่เมื่อคืน (21 ก.ค.)
ล่าสุด (22 ก.ค.) ชาวบ้านยังคงรวมตัวกันชุมนุมที่ในบริเวณวัดจำนวนมาก โดยมีการตั้งครัวทำกับข้าวทานกันภายในวัด และผลัดกันปราศรัยถึงเหตุผลที่มาร่วมชุมนุมขับไล่พระอาจารย์ชา โดย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ชะอวด ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ อส.ของ อ.ชะอวด เข้าไปตรึงกำลังเพื่อรักษาความสงบเนื่องจากหวั่นว่าชาวบ้านในพื้นที่ขณะนี้แยกออกเป็น 2 ฝ่าย อาจมีการกระทบกระทั่งเหตุรุนแรงได้
นอกจากนั้นชาวบ้านยังเคลื่อนตัวไปยังวัดกัลยาณมิตตาราม ซึ่งอยู่ติดกับวัดวังหอม เพื่อตรวจสอบดูว่าพระอาจารย์ชา ยังอยู่หรือไม่ เพราะชาวบ้านไม่มีความเชื่อถือในคำพูดของพระอาจารย์แล้ว เนื่องจากเป็นคนที่พูดแล้วไม่ทำตามที่พูด แต่ปราฏว่าพระอาจารย์ชา ไม่ได้อยู่ที่วัดกัลยาณมิตตารามแล้ว มีเพียงญาติพี่น้องที่ขนข้าวของมากองไว้ที่ด้านล่างเท่านั้น