ปั่นเพื่อแม่...ปั่นอย่างไรให้ยั่งยืน
อีก 2 วันเท่านั้น กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่และเชื่อว่าจะเป็นสถิติโลกอย่างแน่นอนสำหรับ กิจกรรม ปั่นเพื่อแม่ (Bike for MoM) ในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 นี้ ชาวโลกจะได้เห็นกิจกรรมปั่นจักรยานที่มากที่สุดในโลก เพราะจะเป็นการจัดกิจกรรมขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ในเวลา 15.00 น.
กิจกรรมปั่นจักรยานครั้งนี้จะมีจำนวนแท้จริงเท่าไรนั้นต้องรอดูวันจริง แต่จากจำนวนผู้ลงทะเบียนไว้แล้ว มีการลงทะเบียนเอาไว้ทั้งสิ้น 294,863 คน แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 40,000 คน ต่างจังหวัด 254,863 คน และคาดการณ์ว่า จะมีประชาชนทั่วประเทศที่ไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมทะลุกิจกรรมครั้งนี้ทะลุ 300,000-400,000 คน และจะทำลายสถิติโลกการรวมตัวปั่นจักรยานที่ประเทศไต้หวันบันทึกลงกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ไว้ 70,000 คนอย่างแน่นอน
กระแสของการปั่นจักรยาน ในบ้านเรานับว่ามีการเติบโตมาโดยตลอดในรอบหลายปีมานี้ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ทุกวันนี้เราจะเห็นการออกมาปั่นจักรยานในวันหยุดสุดสัปดาห์เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ มีรายงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดูแลงานด้านการออกกำลังกาย เปิดเผยว่า
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการตื่นตัวเรื่องสุขภาพและกิจกรรมทางการสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุกประเภทโดยเฉพาะการปั่นจักรยานมีคนหันมาปั่นเพิ่มขึ้นกว่า 100 %
โดยสสส.มองว่าการเพิ่มขึ้นของคนปั่นจักรยาน เป็นผลมาจากการรณรงค์สร้างความตระหนักเรื่องสุขภาพที่กว้างขวางและปรับทัศนคติคนหนุ่มสาววัยทำงานให้สนใจการออกกำลังกาย ด้วยการปั่นจักรยานมากขึ้นเพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นแต่ยังตอบโจทย์ในเรื่องการปั่นไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆด้วย
ที่สำคัญ การที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯทรงมีพระราชดำริเรื่องไบค์ ฟอร์ มัม (BIKE FOR MOM)ปั่นเพื่อแม่ ส่งผลให้เกิดกระแสใหญ่การปั่นจักรยานไปทุกชุมชน และเชื่อว่ากระแสไม่หยุดอยู่เพียงวันที่ 16 สิงหาคม 2558 เท่านั้น แต่จะเป็นกระแสปั่นจักรยานที่แรงและคงอยู่ยาว
เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับความคิดของ สสส. ว่ากระแสปั่นจักรยานยังคงแรงและอยู่ยาว แต่มีเรื่องที่ต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่องและเป็นจริงขึ้นมาอีกเรื่องก็คือ การปรับทัศนะคติของคนที่ขับรถยนต์ หรือคนใช้ถนน และ คนปั่นจักรยานด้วย นั้นคือ ต้องยอมรับและใช้ถนนอย่างระมัดระวังในเรื่องอุบัติเหตุ
ก่อนหน้านี้เราได้เห็นข่าว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับชาวจักรยานบ่อยครั้ง และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหลายคน และในปัจจุบันก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแต่ไม่บ่อยครั้งเหมือนก่อนหน้านี้
ทุกวันนี้ยังมีคนใช้ถนน ที่ขับรถยนต์ยังมีทัศนะคติ มองกลุ่มจักรยานเป็นส่วนเกินบนท้องถนน ทำให้ไม่ระมัดระวัง จนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น และ ชาวจักรยานบางคนก็ยังใช้ถนนด้วยความประมาท คึกคะนองเสี่ยงต่ออุบัติเหตุด้วยเช่นกัน
นอกจากนนี้ยังมีข้อเสนอของ สสส.ที่น่าสนใจยิ่งคือ
" รัฐควรมีนโยบายสนับสนุนเรื่องการเพิ่มเส้นทางจักรยานบนถนน ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องสร้างทางจักรยานเฉพาะเพราะใช้งบประมาณสูง เพียงแต่ต้องทาสี ตีเส้น หรือปักป้ายให้เห็นชัดเจนว่าเป็นทางจักรยาน เพื่อที่รถอื่นบนถนนจะได้ลดความเร็ว คนปั่นจักรยานจะได้ปั่นชิดขอบ และใช้สัญญาณมือตามกฎต่างๆ จะส่งเสริมให้คนปั่นจักรยานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เด็กสามารถปั่นไปโรงเรียน แม่บ้านปั่นไปซื้อกับข้าว หรือคนทำงานปั่นไปทำงานได้ ซึ่งสำนักงานบริษัท ห้างร้านต่างๆ.อาจสนับสนุนด้วยการสร้างสถานที่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าฯลฯ"
ถึงเวลาที่ต้องทำให้การใช้จักรยานเป็นเรื่องปรกติ ที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ต่อเนื่องตลอดไป......