มุมหนึ่งจาก D23 Expo ก้าวถัดไปของ ดิสนีย์ ไม่ใช่แค่..ของเด็กๆ

20 ส.ค. 58 (15:26 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

หากจะพูดถึง "ดิสนีย์" หลายคนคงเคยมีความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้ ไม่มากก็น้อย ชื่อที่ต้องมนต์ขลังไปด้วยความฝันและจินตนาการ ถึงแม้ว่า ดิสนีย์ จะติดอยู่ในห้วงความคิดที่ว่า "เป็นของเด็ก" ผลงานต่างๆ การ์ตูน, เทพนิยาย หรือ สวนสนุก กลายเป็นภาพที่ให้ชวนยึดติดว่าเป็นเพียง..ของเด็กเล่น

เรายืนอยู่ใจกลาง "วอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ" ย่านเบอร์แบงก์ส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จุดตรงนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างมากมาย จากผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ "วอลต์ ดิสนีย์" ที่หลงใหลและต้องการแบ่งปันความคิดและความสุขของเขาให้กับผู้อื่นได้บันเทิงเริงใจ

ไอเดียความคิดและความสร้างสรรค์ของ "วอลต์" จะมีอายุมากกว่าร้อยปีก็ตาม แต่ภายใต้ชื่อ "ดิสนีย์" เหลืออีกเพียงไม่กี่ปี สตูดิโอแห่งนี้จะย่างเข้าสู่หลัก 100 ปี ไม่น่าแปลกใจที่พนักงานและทีมงานที่สตูดิโอแห่งนี้ ล้วนแต่ขนานนามฉายาของอาชีพตัวเองว่า "ตำแหน่งงานที่ดีที่สุดในโลก"

ณ ลานกว้างที่เรียกว่า Legends Plaza ภายในสตูดิโอแห่งนี้ เต็มไปด้วยความหลังและความทรงจำของผู้ก่อตั้ง อาคารเบื้องหน้าที่มีรูปปั้นคนแคระทั้ง 7 กำลังยืนเรียงแถวยิ้มต้อนรับอยู่บนยอดตึก แต่จะมีเพียงสักกี่คนรู้ที่ว่า พวกเขาทั้ง 7 เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ซึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่องแรกของสตูดิโอ อย่าง Snow White and the Seven Dwarfs ที่ทำให้กลายเป็น วอลต์ ดิสนีย์ คอมพานี

เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายใหม่ของดิสนีย์ ที่ต่อไปจะไม่ใช่แค่เพียงชื่อที่มีแต่เฉพาะ คุณหนูๆ เท่านั้น ก้าวต่อไปหลังจากนี้เราจะได้การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบหนึ่ง ภายใต้ชื่อเดิม วอลต์ ดิสนีย์ หลังจากการสร้างแบรนด์ให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการดึงเอา 2 พันธมิตรที่ทรงอิทธิพล อย่าง มาร์เวล สตูดิโอ และ ลูคัส ฟิล์มส ผนึกกำลังทำให้แบรนด์มีความหลากหลายยิ่งขึ้น

ก่อนที่งาน D23 Expo 2015 จะเริ่มต้นขึ้น เราได้ไปชมแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำทั่วโลก ที่ให้ความร่วมมือในการสร้างสรรค์งานแฟชั่นที่สอดสร้างโลกของดิสนีย์เข้าไปอย่างลงตัว รองเท้าแก้วหรูหรา จาก Jimmy Choo ที่อ้างอิงจากเทพนิยายเรื่องดัง Cinderella เป็นแนวคิดสุดอลังการ สอดคล้องกับโลกจิตนาการ ดีไซน์ที่ละเอียดและเข้ากับตัวละคร

ดิสนีย์ ยังเดินหน้าสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง D Style เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นคนทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ขณะที่ทั่วโลกจะได้ใกล้ชิดกับตัวละครของดิสนีย์ จากการร่วมมือทางแฟชั่นกับแบรนด์ดัง Uniqlo, Vans หรือ Marc Jacobs เป็นต้น ด้วยการดีไซน์ผลิตภัณฑ์โลกของดิสนีย์ ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้ เมืองไทยก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกัน

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ Playmation กลายเป็นเทคโนโลยีของเล่นรูปแบบใหม่ พัฒนาอุปกรณ์สวมข้อมือ (wareables) ร่วมกับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว ผสมผสานกับเนื้อหาเรื่องราวภารกิจต่อสู้ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม มากกว่าการเล่นของเล่นหรือวิดีโอเกมรูปแบบเดิม นี่จึงกลายเป็นปฏิวัติของเล่นครั้งใหม่ของดิสนีย์

วอลต์ ดิสนีย์ เริ่มต้นจากการสร้างสรรค์ผลงานจิตนาการในรูปแบบความบันเทิง ก่อนจะต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่สำหรับผลงานทางโทรทัศน์ของดิสนีย์ ก็ยังคงเป็นไปได้สวย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย เด็กๆ ทุกคนต้องผ่าน "วัฒนธรรมดิสนีย์" ตัวละครไหน ตัวการ์ตูนใดที่คุ้นตา เริ่มต้นจากตรงนี้...

ปัจจุบัน วอลต์ ดิสนีย์ มีเครือข่ายช่องโทรทัศน์ 3 ช่อง ได้แก่ ดิสนีย์ แชนแนล, ดิสนีย์ จูเนียร์ และ ดิสนีย์ เอ็กซ์ดี แต่พฤติกรรมของคนดูสมัยนี้ ไม่เพียงแค่อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ ยังรองรับผ่านแอปพลิเคชั่นและดูสตรีมมิ่งผ่านระบบไร้สายแบบไม่มีข้อจำกัด

ทำให้ยอดผู้ชมรายการโทรทัศน์ของดิสนีย์ ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามสถิติเกือบ 3 พันล้านคนทั่วโลก สำหรับรายการเด่นในยุคนี้ของดิสนีย์ เด็กๆ หลายคนต้องรู้จัก การ์ตูนยอดฮิต Doc McStuffins หรือ Sofia the First ที่ครองใจคนดูทั่วโลก และที่ขาดไม่ได้คือการ์ตูนสุดคลาสสิก Micky Mouse ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย

"แอนดี้ เบิร์ด" ประธานบริษัท วอลต์ ดิสนีย์ อินเตอร์เนชั่นนัล (ต่างประเทศ) ได้พูดเกี่ยวกับการเติบโตและจุดเด่นของ ดิสนีย์ ในตลาดนอกอเมริกาอย่างน่าสนใจ เขาระบุว่า ภูมิภาคต่างๆ ล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ตลาดประเทศจีน ได้รับความนิยมเรื่องผลิตภัณฑ์และสินค้าเกี่ยวกับดิสนีย์ ไม่แปลกใจที่ตลาดภาพยนตร์ สวนสนุก และรีสอร์ท ยังคงเลือกลงทุนที่แผ่นดินใหญ่แห่งนี้

ทั้งนี้ แอนดี้ เบิร์ด ยังบอกอีกว่า จุดเด่นที่สำคัญของดิสนีย์ คือ การเล่าเรื่อง (storytelling) ที่กลายเป็นเสน่ห์ของดิสนีย์มาโดยตลอด แม้ตลาดที่เจาะได้ยาก อย่าง ประเทศอินเดีย ที่มีวัฒนธรรมความบันเทิงของตัวเอง กว่า 94% ของหนังทำเงินในอินเดีย ล้วนเป็นหนังบอลลิวูด ทำให้ ดิสนีย์ เพิ่มขีดจำกัดในการลงทุน ล่าสุดได้สร้างละครบอร์ดเวย์ Beauty and the Beast ที่ใช้โปรดักชั่นและนักแสดงท้องถิ่นทั้งหมด และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ส่วนบรรยากาศของงาน D23 Expo 2015 ประจำปีนี้ ยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มแฟนๆ ดิสนีย์เช่นเดิม เราจะได้เห็นผู้คนหลายหมื่น กลายเป็นคลื่นมหาชนแห่มาร่วมงาน แฟชั่นแต่งกายตามแบบตัวละครชื่อดังของดิสนีย์ กลายเป็นภาพและเอกลักษณ์ของงานนี้

ภายในงาน D23 Expo มีบูทกิจกรรมมากมายที่ให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดและสะสมของพิเศษ บางชิ้นมีเพียงที่นี่แห่งเดียว แฟนคลับบางคนยอมลงทุนซื้อบัตรหลายร้อยเหรียญ เพื่อติดตามและร่วมทุกๆ กิจกรรมของงาน เป็นความคลั่งไคล้ที่ต้องยกนิ้วให้และมอบคำว่า "แฟนพันธุ์แท้" ให้แก่พวกเขา

D23 Expo จึงกลายเป็นงานรวมตัวของกลุ่มแฟนๆ ของดิสนีย์จากทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นเพียง 2 ปีครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังมี D23 Expo Japan กิจกรรมในลักษณะเดียวกันที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้น 2 ปีครั้งในช่วงปลายปีเช่นเดียวกัน โดยกิจกรรมดังกล่าวล้วนแต่ได้รับความนิยม จนอดที่จะเกิดคำถามในใจไม่ได้ว่า... เหตุใด ดิสนีย์ จึงมีอิทธิพลมากกับพวกเขาเท่านี้?

นอกจากจะมีการเปิดเผยข้อมูลและสร้างเซอร์ไพร์สต่างๆ ไม่ว่าจะเปิดตัวภาพยนตร์, แอนิเมชั่น, วิดีโอเกม หรือ สวนสนุกและรีสอร์ทแห่งใหม่ ให้แฟนๆ ดิสนีย์ได้ทราบข่าวพิเศษก่อนใคร ยังมีการประกาศรางวัล The Legends Awards เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่า

โดยในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัล เช่น จอร์จ ลูคัส เจ้าของบริษัท ลูคัส ฟิล์มส, จูลี่ คาซาเลโต แอมบาสเดอร์คนแรกของดิสนีย์แลนด์, แดนนี่ เอล์ฟแมน นักแต่งเพลงชื่อดัง และ จอห์นนี่ เด็ปป์ ดาราแถวหน้าของฮอลลิวูด เป็นต้น

"บ๊อบ ไอเกอร์" ประธานใหญ่แห่ง วอลต์ ดิสนีย์ คอมพานี ได้นั่งพูดคุยกับเรา เกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของดิสนีย์ ซึ่งเขาเองก็ยินดีที่บอกว่า รู้สึกภูมิใจกับความเป็นดิสนีย์ในวันนี้ เพราะบริษัทล้วนไปด้วยคนมีความสามารถ ทำให้วิสัยทัศน์ของดิสนีย์ยังเน้น การเล่าเรื่อง อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังให้เคารพและเชื่อมั่นในผลงานของผู้สร้าง ไม่ว่าจะเป็นผลงานชิ้นใดก็ตาม

เมื่อถามถึงโครงการสวนสนุกและรีสอร์ทแห่งใหม่ในเอเชีย หลังจากที่กำลังจะเปิด เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ ในปี 2016 นี้ บ๊อบ ระบุว่า สวนสนุกที่เซี่ยงไฮ้ นับเป็นความภูมิใจใหม่ของบริษัท เพราะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลท้องถิ่น ตลาดเมืองจีนยังคงเหมาะกับการลงทุน ด้วยปัจจัยหลายด้านๆ

อย่างไรก็ตาม บ๊อบ ไอเกอร์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธแผนการสร้าง สวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งใหม่ ในพื้นที่เอเชีย แต่ทุกอย่างต้องศึกษาโดยละเอียด ไม่แน่ก็อาจจะเป็นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับปี 2015 และในปีต่อๆ ไป น่าจะกลายเป็นปีของ สตาร์ วอร์ส ภาพยนตร์ชุดเรื่องดังจะกลับมาสู่จอเงินอีกขึ้น ทาง ดิสนีย์ ก็เดินเครื่องเต็มกำลัง เพื่อตอบโจทย์แฟนหนังที่เฝ้ารอคอย อีกทั้งยังหวังสร้างแฟนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาวิดีโอเกมใหม่ๆ หรือ ผลิตภัณฑ์ โดยหลังจากนี้จะมีภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ สตาร์ วอร์ส ออกฉายอย่างน้อย 1 เรื่องในทุกๆ ปี

ประธานใหญ่แห่งวอลต์ ดิสนีย์ ยังตอบแบบติดตลกว่า บริษัทคว้าลิขสิทธ์ภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้ ด้วยมูลค่ากว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ คงไม่น่าแปลกใจที่จะเดินหน้าสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะอย่างน้อยๆ ในโลกธุรกิจก็ต้องหวังคืนมูลค่าให้กับการลงทุน แม้ว่าในตอนใหม่ของ สตาร์ วอร์ส ภาคล่าสุดนี้ จะห่างจากภาคก่อนกว่า 30 ปีก็ตาม

มาถึงตอนนี้ เป็นเวลาเกือบ 100 ปี ชื่อของ วอลต์ ดิสนีย์ จะไม่ใช่แค่แบรนด์ของเด็กๆ อีกต่อไป แม้เราหลายคนจะยังคงมีความทรงและคุ้นเคยกับชื่อนี้มาตั้งแต่วัยเด็ก แต่สำหรับก้าวต่อไปจะยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะความเข้มแข็งของทีมงานที่สามารถต่อยอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งได้เป็นอย่างดี ดิสนีย์ จะไม่ใช่เพียงแค่การ์ตูน หรือ สวนสนุก แต่กำลังจะกลายเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่ เป็นจุลภาคเล็กๆ ที่ก่อตัวสะสมและแฝงอยู่รอบๆ ตัวเราทุกหนแห่ง ไม่ใช่เหมาะกับคนบางกลุ่ม แต่จะเหมาะสมกับทุกๆ คน

บางคนบอกว่า วอลต์ ดิสนีย์ ผู้ชายในตำนานคนนี้..เป็นมากกว่า อัจฉริยะนักคิดและนักสร้างสรรค์ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตนาการไม่รู้จักหมด มีคำพูดและวลีต่างๆ มากมายของ วอลต์ ถูกจารึกไว้ให้ได้ระลึกถึง เราขอหยิบยกดั่งประโยคที่ว่า "Laughter is timeless. Imagination has no age, And dream are forever" ซึ่ง วอลต์ ดิสนีย์ ต้องการจะบอกถึงแรงบันดาลใจของเขา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สานต่อจินตนาการไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...