คสช.แถลงคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สาทรมีความคืบหน้า แต่เปิดเผยไม่ได้

คสช.แถลงคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สาทรมีความคืบหน้า แต่เปิดเผยไม่ได้

คสช.แถลงคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สาทรมีความคืบหน้า แต่เปิดเผยไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(22 ส.ค)-โฆษก คสช.แถลงความคืบหน้าคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า สตช.รายงานผลสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมีความคืบหน้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี พร้อมขอความร่วมมือประชาชน หากพบบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือวัตถุแปลกปลอม ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงสถานการณ์ในภาพรวม ว่ามีความสงบเรียบร้อย ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ทำให้เสาไฟฟ้าเสียหายจำนวน 9 ต้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็ก และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้จำนวน 5 ลูก

ทั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 เร่งติดตามและจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว

พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนคดีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รายงานว่ามีผลการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับญาติผู้ที่เสียชีวิตแล้วจำนวน 15 ราย เป็นชาวต่างชาติ 13 ราย และชาวไทย 2 ราย และกรุงเทพมหานครได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บไปแล้วจำนวน 9 ราย

ในส่วนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ มีผู้ที่อาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ (22 ส.ค.) จำนวน 7 ราย คงเหลือรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ จำนวน 56 ราย

โฆษก คสช. กล่าวด้วยว่า หากประชาชนพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยและวัตถุแปลกปลอม อย่าเข้าไปดำเนินการเอง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สายตรวจหรือจุดตรวจ ทั้งทหารและตำรวจในบริเวณที่ใกล้ที่สุดได้ทันที เนื่องจากยังคงมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์และการสร้างสถานการณ์ในลักษณะที่ผิดกฎหมาย ก่อกวนให้สังคมเกิดความสับสน หรือตื่นตระหนก จึงขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในทุก ๆ เรื่องด้วย.-สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook