เอฟซีซีทีโวย! ไทยจับนักข่าวฮ่องกงพกเสื้อเกราะ ขึ้นศาลทหาร ชี้ เป็นอุปกรณ์จำเป็น
พ.ต.อ.สันติ วรรณรักษ์ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันคุมตัว นายกวาน ฮ็อก จุน อายุ 29 ปี ผู้สื่อข่าวจากฮ่องกง พร้อมเสื้อเกราะ 1 ตัว หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจค้นประจำเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารจะเดินทางออกนอกประเทศ ประจำจุดตรวจค้นโซน 2 อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 5 ตรวจพบเสื้อเกราะสีกรมท่าคาดแถบสีดำในกระเป๋าเดินทาง และเตรียมเดินทางไปฮ่องกง
จากการสอบสวนให้การยอมรับว่าเสื้อเกราะตัวดังกล่าวทางบริษัทต้นสังกัดให้นำมาใส่ขณะทำข่าวในประเทศไทยและเตรียมเดินทางกลับ โดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามนำออกนอกประเทศ หรือมีไว้ครอบครอง ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
แต่ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์พ.ศ.2530 มาตรา 15 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยล่าสุดวันที่ 24 ส.ค. นี้ ถูกนำตัวไปศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลรับฟ้องข้อหามีอาวุธในครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต ก่อนได้รับการประกันตัว แต่ยังไม่อนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทย และคดีนี้จะพิจารณาในศาลทหาร
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือเอฟซีซีที แถลงวิพากษ์วิจารณ์กรณีนายแอนโทนี กวาน ฮ็อก จุน ผู้สื่อข่าวของ "อินิเทียม มีเดีย กรุ๊ป" ของฮ่องกงถูกทางการไทยจับกุม ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในข้อหาพกพายุทธภัณฑ์ หลังพบนายแอนโทนีมีเสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนในครอบครอง
โดยนายแอนโทนีระบุว่าใช้เป็นอุปกรณ์นิรภัยขณะรายงานข่าวเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ที่มีผู้เสียชีวิต 20 ราย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ที่สนามบิน และจะถูกนำตัวไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ศาล
เอฟซีซีทีระบุในแถลงการณ์ว่า นายแอนโทนีถูกตั้งข้อหาพกพาอาวุธผิดกฎหมาย มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี และจะถูกนำตัวไปดำเนินคดีในศาลทหาร พร้อมวิจารณ์ว่าเสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนของนักข่าวไม่ใช่อาวุธที่ใช้ทำร้ายผู้อื่นได้ และไม่ควรถูกกำหนดให้เป็นอาวุธ เอฟซีซีทีระบุว่า จะหารือกับรัฐบาลไทยเพื่อหาทางออกกรณีที่เกิดขึ้น และขอให้ผู้สื่อข่าวสามารถหาซื้อและพกพาอุปกรณ์นิรภัยในการรายงานข่าวได้อย่างเพียงพอ