ย้อนคดียิงสมยศ สุธางค์กูร แกะรอยวงจรปิดจนจับทีมสังหาร
กรุงเทพฯ 3 ก.ย. - คดีคนร้ายยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดังย่านพระราม 9 เสียชีวิต บริเวณร้านหูฉลามย่านพัฒนาการ เมื่อ 2 เดือนก่อน ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมมือปืนและผู้รับงานได้แล้ว
นายภานุพงษ์ หรือ แจ้ รัสนา ถูกตำรวจนครบาลควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะลงมือลั่นไกปืนสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง ย่านพระราม 9 เมื่อช่วงค่ำ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายในลานจอดรถร้านหูฉลามชื่อดังย่านพัฒนาการ จุดแรกบริเวณม้าหินหน้าศาลพระภูมิ ซึ่งนายภานุพงษ์ใช้เป็นจุดนั่งพัก รอนายสมยศออกจากร้านอาหารกลับมาที่รถ ก่อนชักอาวุธปืนออกมา และวิ่งเข้าไปยิงใส่ด้านหลังนายสมยศ 2 นัด แต่นายสมยศไม่เสียชีวิต หันหลังมามอง จึงยิงซ้ำที่ใบหน้าและศีรษะอีก 2 นัด ก่อนกระโดดขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อนร่วมทีมหลบหนีเข้าซอยรามคำแหง 24 แยก 2 ทิ้งรถจักรยานยนต์ โบกแท็กซี่หนีเข้าแยก 28 และว่าจ้างมอเตอร์ไซต์พาหนีมุ่งหน้าเสรีไทย ก่อนนำปืนไปโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา หลังรับเงินค่าจ้าง
ด้าน นายชม ไชยณรงค์ ผู้จ้างวาน ถูกตำรวจกองปราบฯ คุมตัวชี้จุดจ่ายเงิน 300,000 บาท ให้ภานุพงษ์ มือปืน ในห้องน้ำการกีฬาแห่งประเทศไทย ย่านหัวหมาก ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี รับสารภาพรับงานสังหารนายสมยศมาอีกทอดในราคา 1 ล้าน ก่อนจัดหามือปืนและอาวุธ แบ่งเงินค่าแรง 300,000 บาท ให้ภานุพงษ์
ตำรวจนครบาลและกองปราบปรามต้องใช้เวลาสืบสวนแกะรอยคนร้ายจากภาพวงจรปิดที่ได้จากจุดเกิดเหตุ ภาพที่เห็นแม้ไม่ชัด แต่ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีอีกหลายตัว รวมถึงพยานบุคคลอย่างน้อย 3 ปาก ที่ให้การตรงกันว่า 1 ใน 2 มือปืนที่ก่อเหตุมีรอยสักที่แขนทั้ง 2 ข้าง และภาพสเกตช์ใบหน้าของคนร้ายจากคำให้การของพยาน 4 ปาก มีความคล้ายกันเกือบ 100% ตำรวจจึงนำไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติอาชญากรในคดีเก่า ก่อนนำรูปผู้ต้องสงสัยกว่า 10 รายให้พยานชี้
คดีนี้ตำรวจต้องใช้เวลาแกะรอยนาน 2 เดือนเต็ม ได้ความชัดเจน คนร้ายมีมากกว่า 4 คน ในจำนวนนี้มีตัวบงการหลักอักษรย่อ ส.เสือ และยังมีคนขับรถจักรยานยนต์และชี้เป้าชื่อนายหนู ที่ยังหลบหนี คาดได้ตัวเร็วๆ นี้
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ