Turn Back Time! หรั่ง รัฐธรรมนูญ พระเอกสุดฮอต
"หรั่ง รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์" ชื่อนี้ในสิบกว่าปีก่อนต้องยอมรับเลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นพระเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพียงชั่วไม่กี่สัปดาห์หลังจากชนะเลิศเป็นหนุ่ม "DOMONMAN" ปี 1997 ก็เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการแสดงละครกับช่อง 7 สี และผลงานที่แจ้งเกิดทำให้เขารู้จักไปทั่งประเทศนั้นก็คือบทบาทของตำรวจปราบปราบยาเสพติดในคาแร็คเตอร์เซอร์ผมยาวจากละครเรื่อง "111(ตองหนึ่ง)" ที่ย้อนวันเวลากลับไปก็เป็นเวลากว่าสิบปี
และแน่นนอนชีวิตที่เคยอยู่ในจุดของคำว่า "โด่งดัง" และวันนึงผู้ชายคนนี้ก็เลือกที่จะหันหลังให้วงการแบบที่แฟนๆ ละครอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด และวันนี้หนุ่ม หรั่ง รัฐธรรมนูญ กำลังค่อยๆ กลับมามีผลงานละครให้ได้เห็นหน้าค่าตาในวงการอีกครั้ง Exclusive Talk คนบันเทิง สัปดาห์นี้จึงขอเอาใจพาแฟนๆ ละครของหนุ่มหรั่งพาไปพูดคุยแบบใกล้ชิดให้ได้หายคิดถึงกันอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทำให้ชื่อ หรั่ง รัฐธรรมนูญ เป็นที่รู้จัก
"ความใหม่ในตัวเราและเรื่องของคาแร็คเตอร์ที่ได้รับเรื่องแรกคือเป็นตำรวจผมยาวนอกเครื่องแบบปราบปรามยาเสพติดเรื่องตองหนึ่ง ซึ่งคาแร็คเตอร์มันแตกต่างจากพระเอกคนอื่นในช่อง 7 ทั่วไปซึ่งเขาจะผมสั้นๆ กันมาฉีกแนวไปเลยก็ได้รับชื่อเสียงความดังอะไรต่างๆ ก็มาจากเรื่องนี้แหละ พระเอกในยุคของผมนะค่อนข้างจะเหมือนกับพระเอกในยุคก่อนๆ จะไม่ค่อยได้ไปไหนห้างก็ไปไม่ได้บางครั้งมันก็ต้องเก็บตัว มันเป็นแนวทางของการเป็นพระเอกที่ดัง (หัวเราะ) คือผมทำงานเสร็จก็กลับเข้าบ้านดูแลร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้มาเดินห้างอะไรเหมือนกับในปัจจุบันไม่ค่อยได้เปิดเผยตัวเองเท่าไหร่ จะมีแฟนอะไรก็ไม่ได้เลยมันเป็นค่านิยมที่เขาปฏิบัติกันมาก็แปลกดี ผมก็เลยใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยให้คนเห็นไม่ค่อยไปในที่สาธารณะเท่าไหร่"
สุดพีคเมื่อปรากฏตัวในที่สาธารณะ
"ก็ยังรู้สึกป๊อบปูล่าสำหรับแฟนๆ ละครเขานะ (หัวเราะ) นี่ไม่ได้ชมตัวเองนะก็ยังรู้สึกเป็นพระเอกในดวงใจของเขา แต่สำหรับยุคนั้นสุดๆ เวลาออกไปเจอแฟนละครไปไหนมาไหนก็คือมีของกินไม่ขาดโดยที่เราไม่ต้องไปซื้อหา แต่จะเป็นแม่ยกสาธารณะเราไปที่ไหนไปอยู่ตรงไหนเขาเห็นเราเขาก็จะมาดูแล บางทีก็เอาลูกสาวมาให้ดูตัวว่านี่ไงลูกสาวป้าสวยมั้ยถ้าพอใจอยากให้เป็นแฟนเลยแบบนี้ก็มีนะมีหลายอย่าง มุมนึงก็แอบหัวเราะเหมือนกันนะแต่ไม่กล้าคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่รู้สึกว่าทำไมคนชอบเราขนาดนี้เราโชคดีที่เกิดมาอยู่จุดนี้"
วีรกรรมวันหลงระเริง
"เรียกว่าแสบเลยแหละ (หัวเราะ) ด้วยวัยของผมด้วย ผมเข้าวงการก็อายุเยอะแล้วด้วยประมาณ 25 ซึ่งวัยบวกกับชีวิตแค่สองอาทิตย์เราเปลี่ยนตัวเองมาเป็นพระเอกหลังจากการประกวดในเครือของโดม่อน เขามีคอนแท็คกับช่อง 7 จำได้ว่าแค่สองอาทิตย์เปลี่ยนเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในประเทศ ชีวิตทุกอย่างการดำเนินชีวิตไม่ไปตากแดดไม่ไปทำอะไรที่มันเป็นคนปกติ เงินทองเข้ามาเยอะมีแต่คนมาสปอยเอาใจวัยคุณวุฒิไม่ถึง ฉะนั้นความนิสัยเสียของความเป็นดาราก็มีไม่กี่อย่างหรอก ไม่เป็นหรั่งเหมือนเดิมเพราะเรามีเงินมีอำนาจ หลง ขี้เกียจ ดื้อ ติสท์ด้วย อยากให้คนมาง้อ ซึ่งมันเป็นข้อเสียของคนในวงการบันเทิงนะ ขี้งอน อามรมณ์อ่อนไหวเยอะ อยากให้คนตามใจ"
ไม้เบื่อไม้เมากับนักข่าว
"จริงๆ เวลามีข่าวผมทะเลาะกับนักข่าวเรื่อยแหละครับ ผมเป็นคนตรงไม่ค่อยตอแหล ไม่ค่อยเล่นข่าว พูดเรื่องจริงเรื่องตรงบางทีข่าวมาเสี้ยมให้เราจะไปทางโน่นทางนี้ให้ขายข่าวได้ ผมก็ไม่ค่อยเล่นด้วยฉะนั้นก็เลยไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของนักข่าวเท่าไหร่คือเล่นด้วยไม่ได้ ตรงเกินไปทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่เรื่องความหลงทุกวันนี้ไม่หลงแล้วครับ"
จุดเปลี่ยนชีวิตที่หันหลังให้วงการ
"จริงๆ แล้วตอนที่เฟสตัวออกไปอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีความรู้สึกว่าเราสุขภาพไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผมร่วงร่างกายทรุดโทรมลงมันเป็นผลจากการทำงานหนักมากช่วงนั้น แต่เราไม่ได้โทษใครนะ พูดถึงว่าเราอาจจะดูแลสุขภาพได้ไม่เต็มที่พอและช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นปลายๆด้วย เราก็มีกิจกรรมค่อนข้างเยอะทำโน่นทำนี่ไม่ค่อยได้พักผ่อน และเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพขาก็ไม่ค่อยดี ก็เลยทำให้ตัวเองคิดว่าเฟสตัวออกไปก่อนมั้ย และก็สองบทบาทที่ได้รับค่อนข้างที่จะได้รับค่อนข้างจะอินดี้นิดนึงก็หมายความว่าแอนตี้กับความคิดของผู้ใหญ่บ้างก็เลยทำให้ตัวเราหยุดไปและก็ไปเพื่อรักษาสุขภาพไปเปลี่ยนมุมมองของตัวเองครับ"
ชีวิตพระเอกเมื่อไม่ได้เป็นพระเอก
"ก็มีไปเรียนหนังสือบ้างครับจากที่เรียนไม่จบก็ไปเรียนให้จบปริญญาตรีและปริญญาโทที่มหาลัยเกริก และก็ไปทดลองทำธุรกิจที่ตัวเองอยากจะทำบ้างหรือเพื่อนๆ ทำไม่ว่าจะเปิดร้านอาหาร ทำอาหารเสริมแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะประสบความสำเร็จหรือว่าจริงจังอะไร ก็ยังเป็นรายได้ที่พลัดเปลี่ยนเข้ามาทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ครับ"
กายพร้อม ใจพร้อม และเสียงเรียกร้องจึงกลับมา
"แน่นอนๆ ครับทุกครั้งไปที่เจอหน้าแฟนละคร ผมโชคดีอยู่อย่างที่อยกจะบอกคือว่าแฟนละครทุกคนในประเทศไทยไม่เคยลืมผมเลยและผมเองดูเหมือนว่าไม่มีงานและก็ออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วในแต่ละเดือนผมมีงานอย่างน้อยสองครั้งตามต่างจังหวัด ยังมีแฟนๆ ละครให้การตอบรับผมยังจ้างผม ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานน้อยงานวัด งานบวช (หัวเราะ) ไปร้องเพลง ไปโชว์ตัว
ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่งานอลังการเหมือนเป็นอิเว้นท์ในสมัยใหม่แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ผมรู้สึกโชคดี มันก็เป็นอีกเหตุผลนึงทำให้ผมกลับมาเล่นละคร และผมมองเรื่องสุขภาพเป็นหลักครับ ความสมบูรณ์ของร่างกายเรา ความเป็นดาราของเรามีราศีจับมั้ยทำให้เรากลับมาเล่น ส่วนบทมีส่วนกระชากจิตใจเราให้กลับมาผมว่าไม่เกี่ยวผมมองว่าผมพร้อมทางด้านจิตใจพร้อมทั้งด้านร่างกายหรือแนวคิดเราเปลี่ยนไปแล้ว เรายอมรับในการผันเปลี่ยนของกาลเวลาเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นว่าง่ายๆ แบบนี้ดีกว่า"
สุดเฟลการกลับมาแต่ไม่เปรี้ยง
"กลับมาเล่นเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์และก็หายไปอีก (หัวเราะ) ความรู้สึกเหมือนละครมันไม่โดนและก็กระแสตอบรับละครมันไม่ดังไม่เปรี้ยงพูดตรงๆ เลยว่าเราคาดหวังไว้เยอะมันก็เลยทำให้เราต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ แล้วทีนี้วัยที่มากขึ้นความคิดอะไรๆ ก็ทำให้คิดใหม่ก็ได้กลับมาเล่นใหม่กับละครเจ้าจักรๆ วงศ์ๆ และทนแรงเสียดสีไม่ไหวแต่เป็นการเสียดสีจากตัวเรานะคือเรารักมันเราหนีมันไม่ได้ ซึ่งทางอาไพรัช (ไพรัช สังวริบุตร)
ก็ชวนเล่นละครเจ้ามานานแล้วหลายปีล่ะแต่ก็ไม่เคยตอบรับจนสุดท้ายมีความรู้สึกว่าเพื่อนๆ เราก็ไปเป็นผู้จัดหมดแล้ว หรือพี่ๆ เราก็ค่อนข้างไปเป็นเจ้าของบริษัทหมด ถ้าเราไม่กลับมาเล่นเนี่ยแล้วเราจะทำอะไรหนอ เราก็ถามตัวเราใจเราว่าเรารักอะไรมากที่สุดคำตอบมันก็คือเรารักที่จะแสดง เรารักละครก็เลยกลับมา แต่ผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักอยู่ก็มีคุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) อาไพรัช (ไพรัช สังวริบุตร) ผมไม่ค่อยรู้จักใครเลย ก็เลยทำให้เป็นการเริ่มต้นกลับมาเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ"
อนาคต หรั่ง รัฐธรรมนุญ กับงานเบื้องหลัง
"ก็อยากทำนะเพราะว่าเรามีแนวคิดของเรามีซิกเนเจอร์ของเราลายทำละครของเราเพียงแต่ว่าตอนนี้เราควรจะกลับมาให้ทุกคนเห็นเราก่อนให้คนรู้ว่าหรั่งมันกลับมาแล้วนะ สองเราก็น่าจะมีต้นทุนนอกจากต้นทุนทางหน้าตาต้นทุนทางสังคมและก็เงินทุนในกระเป๋าก็ต้องอีกซักระยะนึงแต่แน่นอนผมน่าจะเป็นผู้กำกับเริ่มจากการกำกับก่อนแต่คงจะเป็นแนวคอมเมดี้ ผมว่าคอมเมดี้มันยากนะสำหรับผมตอนนี้ผมก็เล่นละครเคเบิ้ลเรื่องนึงเป็นละครคอมเมดี้และผมมีความรู้สึกว่าจากการที่เราเป็นพระเอกแล้วเรามาเล่นเป็นแนวคอมเมดี้เป็นพ่อตาแสบๆ ผมมีความรู้สึกว่าคอมเมดี้มันต้องคิดมุข มุขสดๆ ตลอดเวลาผมก็เลยเอ๊ะอยากทำละครแนวนี้ดูครับ"
ฉายาพระเอกเจ็ดสีที่ไม่เคยลบเลือน
"รู้สึกดีมากๆ เลยครับ ถ้าคนพูดถึงผมแล้วไม่นึกถึงพระเอกผมจะรู้สึกแย่มากเลย แต่พอใครพูดถึงผมแล้วยังนึกถึงความเป็นพระเอก มาดเสน่ห์ของพระเอกมันยังอยู่กับเราตลอดเวลายังคิดถึงเราไม่ว่ากาลเวลามันจะผันเปลี่ยนไปแค่ไหนครับและขอบคุณที่ยังคิดถึงกันเสมอ คิดถึงผลงานที่เคยแสดงไว้ครับ"
มุมมองคนบันเทิงยุคก่อนมองยุคใหม่?
"การตลาดเยอะไปมั้ย แต่ผมก็ไม่รู้ด้วยธุรกิจหรือผลประโยชน์อะไร ความจริงมันเริ่มหายากมากขี้นสำหรับวงการ การจับคู่กัน การคอนแท็คกันระหว่างสปอนเซอร์ ผู้จัดหรือช่อง มันดูกลายเป็นเรื่องหลอกหมดเลยแล้วอะไรคือความจริง เข้าใจที่ว่าบอกมันคือมายา แต่มายาเยอะไปนิดนึง มันควรจะมีเส้นหรือขอบเขตที่พอดี ส่วนสิ่งที่ดีๆ ที่มีกันมาเรื่องการเคารพครูบาอาจารย์ รุ่นพี่รุ่นน้องตรงนี้ผมมองว่าคือสิ่งที่ดีและควรรักษาไว้ครับ"